วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

รวม NC 1

ปรารถนารัก ยอดดวงใจ

นาทีนี้หมีฟินเฟอร์

...

ซาสึเกะแสนจะตื่นเต้น ตอนนี้พวกเค้ามาอยู่ที่คฤหาสน์ที่เป็นเรือนหอแล้ว เค้าให้คนใช้ออกไปให้หมดเพื่อความเป็นส่วนตัว
"ไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกัน"
"ค่ะ"
สองหนุ่มสาวต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำ 
...
ซากุระแสนจะเขินอายเมื่อเห็นชุดบิกินี่ตัวจิ๋วสีดำที่แทบไม่ปกปิดอะไรเลย ที่อิโนะ เพื่อนสาวที่เพิ่งแต่งงานไปกับเเฟนหนุ่มที่เป็นสายสืบไป ได้มอบ
'ชุดนี้แหละเพื่อนเอ๋ย ปั๋วเธอต้องยอมสยบ'
"เอาล่ะ สวมก็สวม"
...
ซาสึเกะที่อาบน้ำเสร็จก็พบว่า คุณภรรยาตัวน้อย หลับไปแล้ว แหมขดเป็นก้อนไหมเชียว เค้าไปหรี่ไฟที่โคมให้สลัวๆเมียจะได้ไม่เขิน กับพิธีเสกเด็กเข้าท้องในคืนนี้
พอเลิกผ้าห่มดูเท่านั้นเอง
"อ๊ะ"เด็กสาวพลิกตัวหนีอีกทาง
"ใครให้มาน่ะ"ยุบหนอ พองหนอ อยากกินโว้ย
"เพื่อนค่ะ เค้าแต่งงานแล้ว บอกว่า ใส่ชุดนี้ คุณจะ...จะ..ยอมสยบ"หน้าหวานๆแดงก่ำ"น่าอายจัง"
"อ่า...สวยดีออก งั้นครั้งนี้ชั้นจะสอนเธอล่ะนะ ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ"
"สอนอะไรคะ"
"เดี๋ยวก็รู้ เรามาเริ่มดีกว่า"
ร่างสูงดึงตัวเด็กสาวมากอดจูบ ทันที ในขณะที่สองมือต่างทำหน้าที่ มือหนึ่งปลดผ้าขนหนูของตนเองและอีกข้าง กระชากสิ่งกรีดขวางบนเรือนร่างของเด็กสาว จนเรือนร่างเปลือยเปล่า
สำหรับซากุระก็ตะลึง แสนตกใจ ทำได้แต่นิ่ง เมื่อถอดจูบ ก็พบว่า ร่างกายเปลือยเปล่า สองแขนรีบปิด
"ปิดทำไม สวยออก ชั้นไม่เห็นอาย เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ จะแก้ผ้ามีความสัมพันธ์ได้"
"หนูอาย"
"อย่าอาย ดูชั้นสิ"
ซากุระต้องทำตาโต เมื่อได้เห็นขนาดของเค้า แก่นกายใหญ่พร้อมระเบิด มันใหญ่กว่าที่เธอเคยเห็นในหนังสือ
เทียบกับตัวเธอแล้ว
"หนูกลัว..."
"เดี๋ยวเธอจะชอบ..."
ชายหนุ่มผลักเด็กสาวให้นอนราบกับเตียงแล้วพรมจูบไปทั่วใบหน้าและมาที่ตัว เค้าเริ่มขบเม้ม ยอดอกสีชมพูหวานและเปลี่ยนดูดราวกับทารกน้อย หรือไม่ก็คนที่เจอบ่อน้ำบริสุทธิ์ มืออีกข้างก็บีบคลึง มือข้างที่ว่าง
"อื้อ..."
"อย่ากลั้นเสียงเสียงเลยที่รัก"เค้าก้มหน้าดูดขบยอดอกต่อ 
"เสียวจัง"หน้าของเด็กสาวแดงเห่อ กายเริ่มร้อนฉ่า
มือหนาเริ่มมาทักทายกุหลาบงาม เค้าเริ่มสอดนิ้วไปนิ้วแรกแล้วค่อยๆเพิ่มทีละนิ้วจนกระทั่ง
"กรี๊ดดดด!"เด็กสาวถึงฝั่งฝัน เธอหอบหายใจหนักมาก
"ยังไม่จบนะ ทูนหัว"เค้ากางขาเธอออกแล้วค่อยๆสอดแก่นกายใหญ่เข้าไปอย่างยาก
"อึก...เจ็บ หนูเจ็บ"เด็กสาวรู้สึกเจ็บที่ช่วงล่างมาก น้ำตานองหน้า เธออ้อนวอนสามี"ได้โปรด เอาออกไป เจ็บ"
"เดี๋ยวเธอจะชอบ"ชายหนุ่มกัดฟันแน่น เค้ารีบควานหาเจลหล่อลื่นมาช่วย แล้วก็ดันแกนกายเข้าไปในกุหลาบงามสำเร็จ เลือดได้ซึมออกมาจากช่องทางนั้น เธอเป็นของเค้าแล้ว
"กรี๊ดดดดด!"
"อย่าเกร็ง หายใจลึกๆค่อยๆหายใจออกนะ"
เด็กสาวทำตาม
"ขยับนะ"
"ดะ...เดี๋ยวก่อน อ๊ะ..."

ปั่บๆๆๆๆ
เสียงกระทบเนื้อของร่างสองร่าง ผสานกับเสียงครวญครางอย่างสุขสมไม่นาน ชายหนุ่มก็ถึงฝั่งฝัน ส่วนเด็กสาวในตอนนี้สติเลื่อนลอยเพราะถึงฝั่งฝันเสียหลายครั้งด้วยบทรักที่สามีมอบให้
เค้าจับร่างอ่อนปวกเปียกให้นั่งบนตัว
"ลองขย่มดูสิเมียจ๋า"
"ค่ะ..."
เด็กสาวนำแกนกายที่ยังคงแข็งมาสอดใส่ในกายของตนเองและขึ้นขย่ม เธอลืมความอาย ชายหนุ่มไม่อาจสะกดเสียงครางเอาไว้ได้เธอทำให้เค้าหลงใหลจนไม่อาจถอนตัวได้อีก ไฟราคะที่ลุกโชติ ยิ่งทำให้สองสามีภรรยาต่างร่วมรักกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ผลัดกันลุกรับ หลายท่วงท่าและหลายๆที่ในห้อง ไม่เว้นแม้แต่สวนสวรรค์ของทั้งคู่
กว่าบทรักจะจบลง...
...
ก็สามวันสามคืน
...
..
..
.
แลดูนิกซ์เป็นคนหื่นยังไงก็ไม่รู้ อย่าด่าอีหื่นนะ T^T ชอบก็คอมเม้นด้วย

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2562

ตำนานใหม่ ตระกูลอุจิวะ ภาค พายุโลหิต บทนำ



เมื่อสายลมได้เปลี่ยนทิศทาง
ความลับที่เก็บซ่อนได้เปิดออก
ความรู้สึกการแสดงที่ผ่านมาคือคำลวงหลอก
สายสัมพันธ์จะเป็นเช่นไร

ถ้าอยากรู้ล่ะก็
โปรดติดตาม

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562

พันธสัญญาสีดำ ตอนที่ 4 มรดกที่ถูกลืม

ซากุระรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่บนห้องบนรถไฟแต่กำลังนอนอยู่บนสถานที่แห่งหนึ่งที่ดูแห้งแล้งและอ้างว้าง ลมเย็นได้พัดมากระทบกาย
ตอนนี้เธอก็พบว่าตัวเองสวมเพียงชุดกระโปรงสีขาวเนื้อบางๆยาวกรอมเท้า"ที่นี่คือที่ไหนล่ะเนี่ย"
ไม่ทันขาดคำ เหล่าอีกาไปบินผ่านตัดหน้าทำให้เธอต้องเอามือมาป้องกันไป
"หึ หึๆแม่หนูน้อยตอนนี้เวลาชีวิตของเธอมันเหลือน้อยเต็มทีแล้ว ถ้าเวลาของเธอจะหมดเมื่อไหร่เธอต้องเริ่มทำตามสัญญา...สัญญา"เสียงแหบห้าวของบุคคลปริศนาดังขึ้น 
หญิงสาวพยายามหาที่มาของเสียงพลางตะโกนถาม"เดี๋ยวสัญญานั่นมันคืออะไร ขอร้องล่ะบอกฉันทีเถอะ"แต่สิ่งที่เธอได้รับหาใช่คำตอบ แต่เป็นเสียงหัวเราะอย่างสาแก่ใจที่ดังลั่นจนเธอต้องเอามือมาปิดหู ร่างบางหันหลังวิ่งหนีทันทีเเต่วิ่งเท่าไหร่ก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะอันน่าสะอิดสะเอียนอยู่ดี เสียงแบบนี้มันไม่ต่างจากปีศาจร้ายที่ผุดมากจากขุมนรก โอ๊ย นี่เธออยู่ในหนังสยองขวัญป่วนจิตยังไงยังงั้น
หยุดๆๆๆหยุดสักที!ใครก็ได้ ช่วยด้วย!
"เฮือก!"
นินจาสาวรู้สึกตัวก็พบว่าเหงื่อท่วมหน้า ตอนนี้ยังอยู่บนตู้รถไฟ
ตาสีมรกตมองไปยังนอกหน้าต่างเห็นบรรยากาศรอบนอกปกคลุมด้วยหิมะจึงได้รู้ว่าตอนนี้เข้าสู่แคว้นยูกิแล้ว เธอมองเวลาอีกยี่สิบนาทีก็ถึงสถานีแล้ว คงต้องเตรียมตัวให้พร้อมสินะ
...
ทางด้านทีมเหยี่ยว
ตอนนี้ทีมเหยี่ยวต้องไล่ตามเป้าหมายโดยเดินทางเท้าซึ่งกินเวลาตั้งห้าวันเพราะหากพวกเขาขึ้นรถไฟทีมีหวังพวกโคโนฮะแห่มาแน่ ก็นะ ชื่อหล้าในบิงโกบุ๊คเลยนี่
คารินบ่นอุบ"ถ้าจับยัยนั่นได้พวกเราไม่ต้องมาเดินทางเหนื่อยอย่างนี้หรอก"
ซุยเงสึอดไม่ได้ที่จะแขวะใส่"หึ บ่นมากจริงจริ๊ง เดี๋ยวก็แก่ไวหรอก"
ทั้งซายะและและจูโกะต่างขำมีเพียงซาสึเกะและโทบิยังนิ่งเฉย คารินหน้าบึ้งตึงกว่าเดิม
ซุยเงสึพูดต่อ"ที่แคว้นยูกิเห็นว่าสวยมากมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะงานนี้ถ้าจะได้เที่ยวด้วยล่ะมั้งเนี่ย"
ซายะออกความเห็น"แต่แคว้นนี้ขึ้นชื่อเรื่องการตรวจคนเข้าเมืองมาก เพราะเข้มงวดที่สุดในแถบนี้ต้องระวังหน่อยล่ะ"
โทบิหันมาถามซาสึเกะ"เราต้องเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนเร็วสุดก็สามวัน ไหวไหม"
"ตกลงตามนั้น"พอซาสึเกะตกลงอย่างนั้นทำเอาลูกทีมคนอื่นยกเว้นจูโกะหน้าถอดสีทันที
ซุยเงสึบ่น"กว่าจะถึงแคว้นยูกิ มีหวังพวกเราจะตายก่อนแน่ ซาสึเกะ"
จูโกะคิดในใจ...ความหึงขึ้นสูงเลยแฮะ...
...
ทางด้านกลุ่มโคโนฮะ
ตอนนี้ได้เข้าสู่แคว้นยูกิแล้วทุกคนต้องสวมเสื้อกันหนาวทันทีเพราะอากาศหนาวมาก ฮารุยสังเกตุเห็นว่าหน้าของหลานสาวนั้นซีดมากจึงได้ถาม"ซากุระ แกเป็นอะไรรึเปล่าหน้าซีดเชียวไม่สบายตรงไหนรึ"
เด็กสาวส่ายหน้า"ไม่เป็นไรค่ะป้า หนูสบายดีก็แค่เมารถน่ะค่ะ"
ผู้เป็นป้าลูบหัวหลานสาวอย่างเอ็นดู"ระวังบ้างสิ"
"ฮารุยซางงงง"เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังมาแต่ไกล
"นั่นใครน่ะ"นารุโตะชี้ไปที่ชายคนหนึ่งในชุดเสื้อหนาวราคาแพงคู่กับบู๊ทสุดเท่วิ่งตรงมา เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผมสีเลือดหมูยาวละต้นคอจัดทรงอย่างดีดวงหน้านั้นคมเข้มตาสีฟ้าผิวขาวจัดตามแบบคนแคว้นทางเหนือ เค้าตรงมาสำรวจเด็กสาวผมสีลูกกวาด"ซากุระเหรอโตขึ้นเยอะนะหลานนะ"เขาสวมกอดเด็กสาวทันที"นับวันยิ่งสวยเหมือนแม่นะ"
"ค่ะลุง"คำว่าลุงนั้นทำเอาทุกคนในคณะเดินทางช็อคยกเว้นฮารุย และที่ช็อคยิ่งกว่าคือคนที่ถูกเรียกว่าลุงนั่นเอง
"นี่หนังหน้าฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะ"ผู้เป็นลุงโต้กลับ
ซากุระพูดเสียงเรียบ"ลุงก็ลุงน่ะอายุครึ่งร้อยแล้วนะค่ะมีลูกสองแล้วด้วย"
อิโนะถามเสียงสั่น"คะ..คนคนนี้เป็นลุงเธอเหรอซากุระ"
"ใช่"คำตอบสั้นๆง่ายๆได้ใจความ
คนเป็นลุงรีบยืดอกและแนะนำตัว"ขอแนะนำตัวนะครับ ผม นานาเซะ ซากุราบะ ครับ"
หลังจากที่แนะนำตัวเสร็จ ซากุราบะก็นำทางไปคฤหาส์ตระกูลนานาเซะที่อยู่ไม่ไกล
ทั้งหมดถูกพามาที่คฤหาส์หลังใหญ่สไตล์ญี่ปุ่นมีอาณาเขตกว้างขวางดูสวยงาม
พ่อบ้านวัยชราเดินออกมาต้อนรับ"สวัสดีครับทุกคน มาครับ เดี๋ยวพวกกระผมช่วยถือของ"หากแต่ลี นินจาคิ้วเหลี่ยมกลับไม่ยอม"เดี๋ยวผมถือเองครับ"ว่าแล้วนินจาหนุ่มก็จัดการแบกกระเป๋าของทุกคนตามไป คุณพ่อบ้านหันมาบอก"อ้อ คุณผู้ชายกำลังรอคุณหนูอยู่นะครับ"พอกล่าวจบพ่อบ้านชราก็เดินนำนินจาคิ้วเหลี่ยมเข้าไปในคฤหาสน์
"ไปเถอะเด็กๆ"ซากุราบะเดินนำทุกคนเข้าไป
นานาเซะ คาสึอิ หัวหน้าตระกูลนานาเซะอายุเจ็ดสิบกว่าปีในชุดยูกาตะสีแดงเลือดหมูเข้ากับสีผมแดงเพลิงถึงแม้จะมีสีขาวแซมใบหน้านั้นเหี่ยวย่นตามวัย แต่ตาสีฟ้านั้นสดใสฉายแววดีใจ ใบหน้านั้นยิ้มกว้างเมื่อเห็นหลานสาวคนเดียวเดินทางมา
"สวัสดีค่ะท่านตา"ซากุระโค้งศีรษะเคารพผู้อาวุโสทันทีเช่นเดียวกับคนอื่น
"โอ้ หลานรักไม่ได้กันซะนาน โตขึ้นเยอะเลยนะหลาน สวยเหมือนแม่จริงๆ"ผู้เป็นตาออกปากชมหลานสาวคนสวยด้วยสีหน้าปิติยินดีพลางเอื้อมมือลูบหัวของหลานสาวคนเดียวของตระกูล"ยิ่งเห็นหน้าหนูทำให้ตานึกถึงซากุโระและฮารุชิถ้าทั้งสองคนยังอยู่คงจะภูมิใจในตัวหลานนะ แล้วนี่จะมาอยู่สักกี่วันล่ะ มาอยู่นานๆก็ได้ตาไม่ว่าหรอกนะตาความจริงตาอยากให้หลานมาอยู่กับตานานๆ"
เด็กสาวพยักก่อนจะตอบ"หนูกะจะอยู่สักพักค่ะ ท่านตา"
นานาเซะ มิโรกุ หญิงชราวัยหกสิบห้าในชุดกิโมโนสีเขียวไข่กาผมยาวสีน้ำตาลอ่อนแซมขาวม้วนเป็นม้วยต่ำในหน้าเหี่ยวย่นตามวัยหากแต่ตาสีฟ้าคมงามนั้นแฝงไว้ด้วยความเมตตาเธอเอ่ยกับหลานสาว"ความจริงยายอยากให้หลานเลิกเป็นนินจาเเล้วมาอยู่ที่นี่นะ"
คนอื่นๆนั้นรู้สึกเป็นส่วนเกินในทันที ฮารุยเอ่ยแทรก"ขออนุญาติพาซากุระไปหามาสะซังนะค่ะ ตอนนี้เขาคงจะว่างแล้ว"
"ก็ดีนะ"คาสึอิเห็นด้วย"รู้สึกว่ายัยหนูไม่ค่อยสบาย ผอมและผิวซีดไปหน่อย ไปหามาสะให้เขาจัดยาบำรุงให้ยัยหนูบ้างก็ดี ไม่เคยไปเจอเลยสักครั้งนี่นา ตอนนี้เค้าอยู่ที่คฤหาสน์แล้ว"
ฮารุยโค้งรับแล้วจูงมือหลานสาวออกไป โดยมีกาอาระและคาคาชิตามไปด้วย คาสึอิหันมาบอก"พาเธอก็ไปพักก่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงหรอกที่นี่แคว้นยูกิ ที่นี่เขาตรวจตราคนอย่างเข้มงวดนะ"
ฮินาตะจึงถาม"คนตระกูลนานาเซะเนี่ยมีเอกลักษณ์เด่นนะค่ะ"
ซากุราบะพยักหน้าก่อนจะอธิบาย"ใช่ จุดเด่นของตระกูลเราคือสีผมชมพูเข้มเหมือนเลือดหมู หรือไม่ก็แดงเพลิงแบบนี้แหละ และอีกอย่างก็คือตาสีฟ้า ผิวขาว ถ้าเป็นของฮารุโนะก็จะเป็นผมสีดำตาสีเขียวมรกต ผิวขาวซีด ซากุระก็เหมือนตัวแทนของสองตระกูลที่มีตาสีเขียวมรกตผมสีชมพู ผิวขาวอมชมพูใส เอาเถอะพวกเธอไปพักก่อนสักพักเดี๋ยวฉันจะให้ลูกชายเป็นไกด์ทัวร์เอง"
นินจาโคโนฮะทุกคนต่างร้องเย้ทันทีและยอมไปห้องพักที่เตรียมไว้ให้
ทางด้านซากุระ
ตอนนี้สองป้าหลานและนินจาสองหนุ่มกำลังเดินทางไปยังร้านยาสมุนไพรของแคว้นยูกิทั้งสี่ไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดทาง
สองข้างทางแคว้นยูกิเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆมากมาย มีนักท่องเที่ยวกำลังจับจ่ายซื้อของ ถึงแม้อากาศจะหนาวเย็นแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคแต่อย่างใด แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะรึ? หนาวจนไม่อาจอยู่ได้เลย
กว่าจะผ่าฝูงชนมาได้ก็เล่นเอาเหนื่อยในที่สุดทั้งสี่ก็มาถึงที่หมายร้านยาสมุนไพรแคว้นยูกิเป็นร้านยาที่มีสมุนไพรส่งออกนอกแคว้นจำนวนมาก ร้านนี้มีมาสะเป็นเจ้าของอยู่คนเดียวร้านจึงมีสองชั้นสำหรับทำบ้านพักส่วนตัวและสวนเพาะสมุนไพร พอมาถึงก็มีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดกิโมโนสีชมพูหวานออกมาต้อนรับ"สวัสดีค่ะไม่ทราบว่าพวกคุณมีธุระอะไรรึค่ะ"
"เราต้องการพบมาสะซังจ้ะ"ฮารุยตอบ
หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะผายมือเชิญ"เข้าไปนั่งพักก่อนค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะเรียนท่านมาสะให้"
ทั้งหมดเดินตามหญิงสาวไปจนถึงห้องรับรองก่อนจะลงมือจุดเตาผิงราคาแพงเพื่อสร้างความอบอุ่นให้แขก จากนั้นหญิงสาวก็แยกไป
ไม่นานก็มีสาวใช้นำขนมและน้ำขิงร้อนๆมาเสิร์ฟ
ทั้งสี่กำลังนั่งรอมาสะอยู่นานพอสมควร หญิงสาวคนเดิมก็ออกมา"ท่านมาสะ ต้องการพบแค่คุณฮารุโนะ ซากุระค่ะ เชิญ"
ฮารุยงุนงง ว่าท่านมาสะรู้ชื่อหลานสาวตนได้เช่นไรก่อนจะนึกได้ว่า พ่อตาของน้องชายคงจะพูดให้ฟังกระมังเพราะที่ผ่านมา เธอพาหลานมาที่แคว้นนี้ทีไรก็ไม่เคยได้พบมาสะเลยสักครั้ง ด้วยมาสะต้องไปติดต่องานนอกแคว้นตลอด
ซากุระยอมเดินตามไป กาอาระมองไปที่หญิงสาวด้วยความเป็นห่วง คาคาชิร้องถาม"ท่านมาสะนี่เป็นใครกันครับ ฮารุยซัง"
ฮารุยตอบเสียงเรียบ"คนรู้จักของครอบครัวน่ะ คาคาชิ เค้าคอยช่วยเหลือน้องชายในช่วงหนึ่งน่ะ"
คาคาชิพยักหน้า"ครับ"
ทางด้านซากุระที่เดินตามหญิงสาวกิโมโนไปถึงหน้าห้อง ห้องหนึ่งที่มีแสงไฟสลัวๆ หญิงสาวผายมือเชิญ"เชิญค่ะ"
ซากุระเปิดประตูเข้าไป "นั่งสินังหนู" ชายวัยกลางคนในชุดยูกาตะสีดำสวบผ้าคลุมสีเขียวไข่กาทับเส้นผมนั้นเป็นสีดอกเลาบอกใบหน้านั้นแฝงไปด้วยความอารี
ซากุระนั่งลงบนเบาะตรงข้ามกับมาสะ มาสะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม"เห็นหนูแล้วนึกถึงฮารุชิคุงจริงๆนะ ตอนแรกฉันคิดว่าเขาจะมีลูกชายแต่ที่ไหนได้มีลูกสาว ชั้นจินตนาการมาตลอดว่าเธอมีหน้าตาเช่นไร"
"แล้วท่านคิดว่าหนูมีหน้าตาเช่นไร"
"งดงาม แต่พอมามองเจ้าแล้ว งดงามกว่าที่คิดแถมยังเป็นหญิงสาวที่สวยงามราวกับตุ๊กตา รอยยิ้มหรือก็เหมือนแม่ แม่ของเจ้าเป็นคนสวย สวยมากถึงกับทำให้พ่อเจ้ามอบใจให้เลยเชียว"
เด็กสาวยิ้มบางๆก่อนจะถาม"หนูอยากรู้ว่าพ่อกับแม่หนูรักกันได้ยังไง ท่านพอจะทราบไหม"
มาสะหัวเราะเบาๆ"ได้ หนูน้อยแต่มีบางอย่างที่ฉันจะต้องให้หนู"มาสะเอื้อมไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบคัมภีร์ม้วนหนึ่งส่งให้เด็กสาว"พ่อของหนูฝากไว้ก่อนตายเขาเดินทางมาฝากฉันไว้บอกว่าถ้าลูกของเขาเกิดมาแล้วเดินทางมาหาฉันเมื่อไหร่ให้ส่งให้ถึงมือของหนูเท่านั้น"
ซากุระรับม้วนคัมภีร์มายังไม่เปิดอ่านในทันทีแล้วโค้งศีรษะขอบคุณ"ขอบคุณมากค่ะที่มาสะซังกรุณา"
ชายสูงวัยส่ายหน้า"ไม่เลย ฮารุชิก็เหมือนลูกหลานของฉันนั่นแหละนะ และนี่ก็เป็นมรดกเพียงหนึ่งเดียวของเค้า ขอส่งต่อให้เธอล่ะ...อืม... เขารักกับแม่ของหนูได้ยังไงเหรอ...ขอฉันนึกดูก่อนนะเรื่องมันก็นานพอดูเชียว"ชายสูงวัยยกชาสมุนไพรขึ้นจิบแล้วจึงเริ่มเล่า"เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ฮารุชิเดินทางมาหาฉัน เขาบอกว่าจะขอหลบพักใจที่นี่สักพัก ตัวฉันเองก็ไม่ได้ว่าอะไรดีเสียอีกที่มีแพทย์เก่งๆมาช่วยงาน ขนาดไม่ใช้วิชานินจาเขาก็เก่งมากแล้วฝีมือการปรุงยาเรียกว่าหมอเทวดา ในตอนนั้นฉันสนิทกับตาของหนูพอสมควร เขามักจะมาปรับทุกข์กับฉันเสมอๆเรื่องแม่ของหนู  ซากุโระที่มีร่างกายอ่อนแอมาเเต่เล็กๆแต่ก็เป็นคนสวยที่คนหลายแคว้นที่ได้เห็นก็ต้องหลงรักเธอเหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยาย น่ารักเหมือนตุ๊กตา พอฮารุชิมา ฉันเลยแนะให้ฮารุชิลองไปรักษาดู ผลปรากฏว่าพ่อของหนูหลงรักแม่ของหนูจนถอนตัวไม่ขึ้นเพราะครั้งแรกที่เจอกันนั้นทั้งคู่หน้าแดงทันทีเลยเชียว เพราะฮารุชิเองรูปร่างหน้าตาหล่อเหลามากเดินไปไหนสาวๆก็ต้องเหลียวมองทุกที หลังจากที่พ่อหนูไปรักษาแม่หนูบ่อยๆนั้นดอกรักก็ผลิบานขึ้นตามลำดับ ตาของหนูอาบน้ำร้อนมาก่อน เค้าวางแผนจะส่งแม่ของหนูไปแต่งงานกับคนที่อื่น ฮารุชิรู้ก็จัดการวางยาบ้านนานาเซะทั้งบ้านแล้วชวนซากุโระหนีตามกันไป ตอนนั้นฉันเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรและเกือบจะมีเรื่องแต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดีน่ะนะ"
ซากุระอมยิ้มน้อยๆไม่นึกว่าพ่อของเธอจะใจร้อนมากถึงขนาดเล่นฉุดกันเลย
มาสะเอ่ยขึ้น"เดี๋ยวฉันเขียนใบสั่งยาบำรุงร่างกายให้หนูนะ ตาของหนูโทรศัพท์มาบอกฉันแล้ว"
เด็กสาวโค้งขอบคุณอีกครั้ง
หลังจากนั้นทั้งสี่ก็เดินทางกลับหากแต่ยัยตัวแสบก็ดันอยากจะไปเที่ยวแต่ผู้เป็นป้าไม่ยอม เด็กสาวจึงอาศัยช่วงที่เดินผ่าคนที่แออัดนั้นหลบไปทันที ฮารุยนั้นอดไม่ได้ที่จะชกกำแพงระบายอารมณ์ พอกาอาระอาสาจะตามตัวมาให้แต่ฮารุยส่ายหน้าแล้วบอก"มันก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้วล่ะค่ะ ช่างเถอะ "
ระหว่างทาง
ฮารุยหันมาคุยกับคาคาชิที่เดินอ่านหนังสืออยู่นั้น ส่วนกาอาระก็กำลังดูของฝาก 
"คาคาชิมีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะให้เธอรู้ซักหน่อยนะ"
"ครับ ผมฟังอยู่"
ฮารุยเริ่มเล่า"เธอรู้มั้ยว่าทำไมน้องชายฉันถึงอัปเปหิตนออกมาจากหมู่บ้าน"
"ไม่ใช่เพราะโดนกดดัน..."
 หญิงสาวส่ายหน้า"ไม่...สาเหตุที่แท้จริงน่ะ เขาเสียใจที่รินตายไปต่างหากล่ะ ฉันขอฝากเด็กคนนั้นด้วยนะ คาคาชิ"
เนตรวงแหวนคาคาชิมีสีหน้าสลดลงแล้วรับคำ"ครับฮารุยซัง ผมจะดูแลเด็กคนนั้นเอง"
ทางด้านซากุระนั้น
เด็กสาวเดินเล่นไปเรื่อยตามประสา กลิ่นนมหอมๆโชยมาเด็กสาวเดินตามไปจนถึงที่มาของกลิ่นนั้นมาจากคาเฟ่เล็กๆที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย
ชายเจ้าของร้านร่างใหญ่เชื้อเชิญ "เชิญนั่งก่อนสิคุณหนู"
เด็กสาวเดินเข้าไปตามคำเชิญ เธอนั่งลงที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ แล้วสั่ง"ขอโกโก้ร้อนหนึ่งที่"
เจ้าของร้านส่ายหน้า"หนาวๆอย่างนี้คุณหนูควรจะสั่งนมอุ่นๆกินคู่กับคุ้กกี้สิครับ"
เมื่อเจ้าร้านแนะนำอย่างนี้มีหรือเด็กสาวจะปฏิเสธ"ก็ได้ค่ะ ขอนมอุ่นและคุ้กกี้"
สักพักนมอุ่นๆและคุ้กกี้ก็มาเสริฟ์ ซากุระลองจิบนมดู"หอมหวานจัง รสนุ่มมาก"
ชายคนนั้นหัวเราะเบาๆ"นับว่าหนูโชคดีนะ รู้มั้ยเวลาน่ะไม่เคยหยุดนิ่งหรอกนะ เวลาของหนูน่ะมันเหลือน้อยแล้ว"
ซากุระมองหน้าของเจ้าของร้านอีกทีก็พบว่าตอนนี้เธอยืนอยู่ตรงซอกตึกก็เท่านั้น เด็กสาวแตะที่ริมฝีปากตน"รสนม ยังอยู่แหะ เรื่องแปลกๆมาหาเราตลอดเลย"
พอกลับมาถึงบ้านเธอก็โดนผู้เป็นป้าเอ็ดชุดใหญ่ซึ่งเธอทำได้แต่นั่งฟังอย่างเงียบๆเท่านั้น
หลังจากที่โดนเอ็ดเรียบร้อยแล้วเธอเข้าห้องแล้วปิดประตูอย่างมิดชิดหยิบคัมภีร์ที่มาสะซังมอบให้เธอคลี่คัมภีร์ออกมาภายในนั้นว่างเปล่ามีเพียงรูปมือที่ถูกวาดไว้เท่านั้น เด็กสาวถอดถุงมือข้างหนึ่งแล้วเอามือมาวางทับบกับรููป'บุ้ง'ควันขาวพุ่งมาดาบคาตานะคู่หล่นออกมาใส่มือเด็กสาวอย่างเหมาะเจาะ เธอเดาได้เลยว่านี่ต้องเป็นดาบของพ่อแน่ๆเธอชักดาบออกจากฝัก ดาบนั้นทำจากเงินเนื้อดีเยี่ยมน้ำหนักเบาสลักลายนกนางแอ่นสวยงามนิ้วเรียวแตะที่ดาบ มีเรียบเนียนสื่อถึงความปราณีตของช่างตีดาบมันช่างเป็นงานที่ปราณีตและงดงามที่สุดเลยก็ว่าได้ เธอมองฝักดาบไม้อย่างประหลาดใจเพราะความยาวของดาบและฝักดาบไม่เท่ากันโดยที่ฝักดาบยาวกว่าตัวดาบ เด็กสาวจับฝักดาบส่วนที่ยาวเกินมาก็พบว่ามันเป็นเพียงกระดาษสีดำที่พันหลอกไว้เท่านั้น ซากุระคลี่กระดาษออกอย่างเบามือมันเป็นตัวอักษรสีขาวเธอรีบเก็บดาบเข้าคัมภีร์และซ่อนแผ่นกระดาษไว้กับตัวเพราะเธอเชื่อว่ามันต้องเป็นข้อความของพ่อที่ส่งถึงเธอแน่
ในตอนนี้ซากุระได้เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดแขนยาวสีขาวแล้วสวมเสื้อกั๊กสีดำทับอีกทีแล้วใส่เลคกิ้งสีดำรองเท้าบู๊ทโดยที่ไม่ลืม สวมหมวกฟักทองสีดำและผ้าพันคอสีดำ พอเด็กสาวเดินออกนอกห้องก็พบว่ามีใครบางคนปิดตาของตนอยู่"ทายสิใครเอ่ย"
ซากุระจำเสียงนี้ได้"เลิกเล่นเถอะค่ะ พี่ฮิคาริ พี่โคฮารุ"
พอมือหนาเปิดออก ซากุระหันมาประจันหน้ากับสองหนุ่มที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง ฮิคารุและโคฮารุนั้นเป็นฝาแฝดอายุมากกว่าเธอถึงสามปี ทั้งคู่ร่างสูงโปร่งมีผมสีชมพูเข้มอมน้ำตาลผิวขาว แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือแฝดคนน้องโคฮารุมีตาสองสีคือขวาสีน้ำตาลสุกใส ซ้ายสีฟ้า เทียบกับฮิคารุแฝดคนพี่นั้นที่มีตาสีน้ำตาลสุกใสทั้งสองข้าง ในตอนนี้ทั้งคู่ทำงานเป็นดีไซด์เนอร์ควบคู่กับพ่อค้าผ้าไปในตัว
เด็กสาวทัก"ไม่เจอกันนานนะค่ะ สบายใจไหม"
"ก็สบายดีจ้ะ"แฝดพี่ตอบ
แฝดคนน้องเข้ามาบีบไหล่พลางขอร้อง"พี่มีเรื่องจะให้เราช่วยหน่อยน่ะนะ"
ซากุระเอียงคอถามทั้งรอยยิ้ม"อะไรเหรอค่ะ ถ้าหนูช่วยได้ก็จะช่วยค่ะ"
"เยี่ยม ตามเราสองคนมาเลย"สองแฝดพูดจบก็ลากน้องสาวผู้น่ารักเข้าไปอีกห้องทันที
ทางด้านกลุ่มโคโนฮะ
ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งรอไกด์ที่จะนำทัวร์แคว้นรอแล้วรออีกก็ยังไม่มา
"นี่ เจ้านั่นชักจะเหมือนครูคาคาชิแฮะ สายโด้งขนาดนี้"นารูโตะโวย
"นารูโตะ เราเป็นแขกนะครับ เขาอาจจะมีธุระก็ได้"ซาอิปลอบ
ไม่นาน
สองหนุ่มฝาแฝดก็เข้าแล้วทักทายด้วยรอยยิ้ม"สวัสดีทุกคน"
แฝดพี่พูดก่อน"ฉันชื่อฮิคารุ และนี่น้องชายฉันโคฮารุ ต้องขอโทษด้วยที่มาสาย พอดีพวกเรากำลังจะนำตุ๊กตาของพวกเราไปประกวดน่ะนะ"
"ตุ๊กตา"ฮินาตะเลิกคิ้วสงสัย
โคฮารุยิ้ม"ใช่ครับ"
ว่าแล้วเค้าก็จูงมือบางสิ่งให้เข้ามาด้วยเป็นซากุระในตอนนี้อยู่ในชุดโลลิต้าสั้นสีชมพูหวาน สวมถุงน่องสีขาวและรองเท้าส้นเตี้ยขัดเงาสีแดงสด ผมสีชมพูหวานยาวปะบ่านั้นถูกดัดเป็นลอนสลวยน่ารัก มีดอกกุหลาบสีชมพูดอกใหญ่ประดับ ดวงหน้างามนั้นแต่งแต้มด้วนเครื่องสำอางบางๆถ้าไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนพวกเขาก็คงคิดว่าเธอเป็นตุ๊กตาก็เป็นได้ ในตอนนี้เธอช่างเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบอย่างดี
"น่ารักไหมๆ"ฮิคารุร้องถาม
โคฮารุเอ่ยขึ้น"วันนี้พวกเราจะเข้าประกวดแฟชั้นน่ะนะแต่ไม่มีหุ่นเลยให้น้องสาวที่น่ารักมาเป็นตุ๊กตาให้ชั่วคราว"
"หนูอายจัง พี่โคฮารุ"
ฮิคารุปลอบ"ไม่เป็นไรหรอกน่า เราน่ะน่ารักออก วันนี้พวกพี่ต้องชนะแน่ๆ"
ฮิคารุดูนาฬิกาที่ข้อมือ"อีกเดี๋ยวก็จะแข่งแล้วไปเหอะ พวกเธอก็ไปดูด้วยสิ หลังเสร็จงานนี้พวกเราจะพาเที่ยว"
"ไปดิๆ"นารูโตะร้องอย่างยินดี
ซากุระนั้นทำได้แต่หลบตาและเอียงอายเท่านั้น...
...

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562

พันธสัญญาสีดำ ตอนที่ 3 หลี้ภัย

กาอาระเดินทางมาส่งซากุระถึงบ้าน กาอาระสังเกตว่าบ้านของหญิงสาวนั้นห่างไกลจากในหมู่บ้านมากแต่เป็นบ้านสองชั้นและเรียบง่ายมีรั้วเล็กๆ
ซากุระเดินเข้าไปเปิดประตู"กลับมาแล้วค่า"ก่อนจะหันมาพูดกับชายหนุ่ม"เข้ามานั่งพักก่อนนะ"
ชายหนุ่มพยักหน้าพลางเดินตามหญิงสาวเข้าไป เธอพาเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย"สงสัยป้าไปซื้อของแน่เลย"
กาอาระเข้ามานั่งบนโซฟาสีเขียวอ่อนเข้ากับโต๊ะกาแฟไม้มีแจกันใบเล็กใส่ดอกไม้ประดับในขณะที่ซากุระไปในครัวเตรียมชงชาให้แขก
ไม่นาน หญิงสาวก็ออกมาพร้อมถาดใส่ถ้วยชาสองถ้วยพร้อมกับขนมโมจิแล้วเสริฟลงบนโต๊ะ
กาอาระถาม"เธออยู่กับป้าสองคนเหรอ"แล้วยกชาขึ้นจิบ
"อืม"หญิงสาวตอบรับสั้นๆก่อนจะยกชาขึ้นจิบ
"แล้วพ่อแม่เธอล่ะ"ชายหนุ่มถามต่อ
ซากุระตอบเสียงเรียบ"พ่อเสียตั้งแต่ฉันยังไม่เกิดเลยส่วนแม่เองก็เสียตั้งแต่คลอดฉันออกมาเพราะคลอดก่อนกำหนดสองเดือนและเสียเลือดมากเกินน่ะ"
กาอาระแปลกใจกับกิริยาของซากุระมาก"ทำไมเธอไม่เศร้าเลยล่ะ"
ซากุระที่กำลังเคี้ยวขนมอยู่นั้นกลืนลงคอก่อนจะตอบ"เศร้าไปร้องไห้ไปก็ไม่ช่วยให้ท่านทั้งสองฟื้นขึ้นมาหรอกอีกอย่างถ้าฉันมั่วแต่ร้องไห้ขี้มูกโป่งล่ะก็พ่อกับแม่ที่อยู่บนสวรรค์คงไม่สบายใจแน่ แต่ถ้าถามว่าฉันเสียใจและคิดถึงท่านทั้งสองไหมก็ต้องบอกว่าทั้งเสียใจและคิดถึงมากเลยล่ะ"
ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ"แต่ดูเธอปลงกับเรื่องนี้มากเลยนะ"
หญิงสาวตอบเสียงใส"ใช่แล้วล่ะเพราะทุกชีวิตย่อมต้องตายอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมชาติ มันขึ้นอยู่กับว่ามันจะเกิดช้าหรือเร็วก็เท่านั้นแหละแต่ก็นะสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการใช้ชีวิตล่ะ"
กาอาระเอ่ยด้วยเสียงเศร้า"ถ้าไม่ใช่เพราะเธอไปช่วยหมู่บ้านฉันล่ะก็เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นหรอก"
หญิงสาวเอนหลังบนโซฟาอย่างสบายๆ"อย่าโทษตัวเองเลยนะ กาอาระ ตอนนี้เราก็ต้องหาทางรักษาอักขระให้ได้น่ะ อีกอย่างท่านผู้เฒ่าจิโกะก็บอกว่าทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงได้นะ อย่าลืมสิ"
แต่ยังไม่ทันที่สองหนุ่มสาวจะคุยอะไรต่อ ฮารุยก็กลับมาแล้ว "อ้าว ซากุระกลับมาแล้วมีแขกรึวันนี้"
ซากุระรีบเข้าไปช่วยป้าถือของเข้าบ้าน ผู้เป็นป้าถาม"เพื่อนรึ"
"ค่ะ ป้าหนูว่าเราไปเที่ยวแคว้นยูกิกันดีไหมท่านซึนาเดะให้หนูหยุดตั้งเดือนหนึ่งแน่ะ แล้วตอนนี้หนูก็ชวนเพื่อนคนอื่นไปกันแล้วด้วยนะค่ะ"
ทำเอาผู้เป็นป้าเหงื่อตกแต่ก็มีรอยยิ้มผุดที่ใบหน้า"ปฏิเสธไม่ได้เลยนะ ตกลง ไปกันพรุ่งนี้เลยดีไหม"
หลานสาวตัวแสบโผเข้ากอดทันที"หนูรักป้าที่สุดเลย เดี๋ยวจะส่งข้อความบอกเพื่อนทุกคนเดี๋ยวนี้แหละค่า กาอาระไปเตรียมของสิแล้วพรุ่งนี้แปดโมงเช้าเจอกันที่หน้าหมู่บ้านนะ"ว่าแล้วซากุระก็เดินเอาของไปเก็บแล้วพิมพ์โทรศัพท์ส่งข้อความนัดหมายเพื่อนๆที่จะไป
กาอาระออกมาเคารพฮารุย"สวัสดีครับ คุณคงเป็นป้าของซากุระสินะครับ ผม ซาบาคุโนะ กาอาระยินดีที่ได้รู้จัก"
ฮารุยหันมาทางผู้ทักทายตน"อ้าว ท่านคาเสะคาเงะเองเหรอค่ะ"
กาอาระกล่าวอย่างสุภาพ"เรียกผมว่ากาอาระเถอะครับ ฮารุยซังอายุมากกว่าผมอีก"
"จ้ะ ดูเป็นผู้ใหญ่จังเลย"
"ขอบคุณครับ เอ่อ ขอตัวก่อนนะครับ ต้องรีบไปจัดกระเป๋า"
ฮารุยรู้สึกเอ็นดู"แล้วนี่นั่งพักหายเหนื่อยแล้วเหรอ"
กาอาระตัดสินใจบอกลา"ครับ เดี๋ยวผมต้องกลับไปจัดของอีกเพราะพรุ่งนี้ผมจะไปแคว้นยูกิด้วยน่ะครับ ขอตัวก่อนครับ สวัสดี"
"จ๊ะๆพรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะ"
พอลับร่างของหนุ่มผมแดงไปแล้ว ซากุระนำถ้วยชาที่แขกเพิ่งจิบไปล้างแล้วรินชาถ้วยใหม่มาให้ผู้เป็นป้า
ฮารุยนั่งบนโซฟาอย่างสบายๆแล้วรับถ้วยชามาจิบ"ขอบใจ"
ซากุระมานั่งตรงกันข้ามของผู้เป็นป้า"ป้าค่ะเล่าเรื่องของพ่อต่อสิค่ะ หนูอยากฟังนะๆๆ"
ฮารุยยกชาขึ้นจิบแล้วส่ายหน้าเมื่อหลานตัวแสบยังจำได้"อืม ป้าเล่าถึงไหนแล้วล่ะ"
ผู้เป็นหลานตอบเสียงใส"เล่าถึงตอนที่พ่อสอบจูนินชนะค่ะ"
"อ้อ งั้นเหรอตอนนั้นพ่อของเราก็โดนจับคู่สู้รอบที่สามกับคนที่เคยทำร้ายตัวเอง เจ้านั่นขู่ใส่เขาด้วยนะ"
หลานสาวยกชาขึ้นจิบก่อนจะถาม"แล้วพ่อขู่เขาว่าอะไรรึค่ะ"
ฮารุยยิ้มนิดๆ"พ่อเราพูดว่า'ถ้าลงสนามแข่งเมื่อไหร่แกตายแน่'"
ซากุระคิดในใจ...ทำไมพ่อเราโหดจัง...
ฮารุยเล่าต่อ"หลังจากนั้นทางโคโนฮะให้เวลาสามเดือนในการเตรียมตัว ตอนนั้นพ่อเราเองก็ฝึกหนักมากผ่านไปสามเดือนตัวสูงพรวดถึงยี่สิบเซน ตอนแรก145 ไปฝึกอีท่าไหนก็ไม่รู้สูงพรวดเป็น165เซน ก็ถือว่าสูงมากสำหรับเด็กแปดขวบจวนเก้าขวบน่ะนะ นั่นยิ่งทำให้พ่อเราหล่อมากขึ้น จากนั้นผลปรากฏว่าเขาได้เป็นจูนินเพียงแต่อายุของเขายังเด็กเกินไปเลยต้องเป็นเกะนินไปก่อนอีกสามปีถึงจะเป็นจูนินได้โดยไม่ต้องสอบ หลังจากนั้นตัวเจ้านั่นก็เนื้อหอมมากแต่พ่อเราก็แอบชอบ อุจิวะ โซระ แต่ทั้งคู่ก็พยายามศึกษากันฮารุชิไม่เคยที่จะลวงเกินผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิดจนกระทั่ง..."
หญิงสาวถาม"กระทั่งอะไรเหรอค่ะป้า"เธอเองก็รู้สึกข้องใจถ้าพ่อมาชอบคนจากอุจิวะแล้วจะมารักกับแม่ได้ยังไง
ฮารุยเอ่ยเสียงเศร้า"ฮารุชิแอบไปได้ยินยัยนั่น บอกว่า สำหรับตัวเขานั้นก็แค่เครื่องทดสอบเสน่ห์ เมื่อพ่อเรารู้รู้อย่างนั้นก็เปลี่ยนไปเลยไม่ค่อยอยู่กับบ้าน นอกจากไปทำภารกิจแล้วเจ้นั่นออกจากบ้านแต่เช้ามืดกลับมาก็ดึกดื่น"
ซากุระถามแทรก"ป้ารู้ได้ยังไงเหรอ"
ฮารุย"รินมาเล่าให้ฟังน่ะ"
หลานสาวตัวร้ายพยักหน้าเข้าใจ ริน หรือฮารุโนะ ริน มีศักดิ์เป็นลูกบุญธรรมของตระกูลนี้เป็นลูกศิษย์ของพ่อและอาบุญธรรมของเธอที่เสียชีวิตไปตั้งแต่สมัยสงครามนินจา
ฮารุยเล่าต่อ"รินน่ะตามติดฮารุชิไปตลอดจึงรู้แต่หลังๆฮารุชิเองก็แวบไปแวบมารินเองก็เป็นเกะนินต้องไปทำภารกิจ จากนั้นครอบครัวก็เริ่มห่างเหินไปทุกทีๆ จากนั้นฮารุชิก็เข้าร่วมเป็นหน่วยแพทย์ในสงครามนินจาต่อมาก็ถูกปรับปรัมว่าเป็นคนที่แอบเรียนยาทิพย์เพราะก่อนหน้านั้นเจ้านั่นถูกปู่ของเราวานให้ไปหาสมุนไพรที่หอสมุดต้องห้ามแล้วหอนั่นก็ระเบิด ถึงแม้หลักฐานจะไม่มีพอที่จะปรับปรัมพ่อเราได้แต่พ่อของเราก็ออกจากหมู่บ้านไป"
เด็กสาวพยักหน้ารับรู้หากแต่ในใจนั้นคิด...นั่นคงจะเป็นแค่ข้ออ้างของพ่อล่ะมั๊ง...
ฮารุยยกชาขึ้นจิบแล้วเล่าต่อ"หลังจากนั้นมาห้าปีพ่อเราก็กลับมาในคืนที่ฝนตกกระหน่ำและพาแม่เรามาด้วย"
ซากุระถามด้วยตาเป็นประกาย"แล้วพ่อกับแม่รักกันได้ยังไงค่ะบอกหนูหน่อยสิป้า"
ผู้เป็นป้าส่ายหน้า"ไม่รู้สิ แต่ตอนนั้นพวกเราไม่รู้เลยว่าผู้หญิงที่พ่อเราพามานั้นเป็นใครมาจากไหนรู้แต่ว่าชื่อซาคุโระก็เท่านั้นและอีกอย่างตอนนั้นพ่อเราเคาะประตูชนิดจะพังประตูก็ไม่ปานพอปู่เราเดินไปเปิดให้พ่อเราพลักปู่ติดประตูแถมพูดว่า เวลาคนมันเข้าก็จะเข้าทันทีให้มันรู้มั่ง แล้วเดินเข้าบ้านพร้อมแม่เราอย่างไม่สนใจปู่ที่แบนคาประตูบ้าน นึกถึงตอนนั้นทีไรก็อดขำไม่ได้เลย"ว่าแล้วฮารุยหัวเราะเบาๆหากแต่ซากุระนั้นหัวเราะเเห้งๆ...พ่อเรารักปู่จริงๆ...
ฮารุยเล่าต่อ"จากนั้นแม่เราก็เข้ามาอยู่ในบ้านในฐานะเมียของพ่อเรา"
ซากุระเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถาม"แล้วพ่อกับแม่แต่งกันแล้วเหรอค่ะ"
ฮารุยตอบเสียงหน่ายๆ"ยังหรอกพ่อเราโกหกว่าได้กันแล้วต่างหากล่ะ ย่าเราไม่ค่อยชอบแม่เรานักเพราะร่างกายอ่อนแอและทำงานบ้านไม่เป็นแต่สุดท้ายก็ยอมรับแม่เราเพราะนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตนของแม่เราน่ะแหละนะแต่เรื่องก็แดงขึ้นเมื่อตาและยายเรามาที่หมู่บ้านเพื่อจ้างนินจามาตามหาแม่เราตอนนั้นแหละถึงได้รู้ว่าพ่อแม่เราหนีตามกันมา ดีที่ท่านรุ่นสามช่วยไกล่เกลี่ยให้ไม่งั้นแย่เลย สุดท้ายทั้งคู่ก็แต่งงานกันเป็นการแต่งแบบเรียบง่ายไม่หรูหรา ถ้าอยากรู้ว่าพ่อกับแม่เรารักกันได้ยังไงถ้าไปแคว้นยูกิแล้วไปถามมาสะซังนะเขาน่ะรู้ ไปจัดของได้แล้วไป"
"ค่าป้า"
พอลับร่างหลานตัวดีฮารุยนึกถึงตอนที่น้องชายตัวร้ายกลับมาในคืนที่ฝนตกกระหน่ำหลังจากที่ออกจากหมู่บ้านไปห้าปีกว่า
สามสิบสองปีก่อน
'ครืนๆๆ'สายฝนได้ตกกระหน่ำภายในบ้านฮารุโนะ มีกันอยู่สามชีวิตคือ ฮารุโนะ ฮาราตะ ผู้นำตระกูลและเป็นหมอใหญ่ของโคโนฮะ ฮารุโนะ ชิสึกุ ภรรยา และฮารุโนะ ฮารุย ลูกสาวคนโต ตอนนี้ทั้งสามกำลังนั่งพักผ่อนในห้องนั่งเล่น ฮาราตะ กำลังนั่งตรวจเอกสารพลางจิบชาส่วนชิสึกุกำลังล้างจานและฮารุยกำลังนั่งปักผ้า
'ปังๆๆๆ'เสียงทุบประตูดังขึ้น
"ใครน่ะ"ชิสึกุพูดขึ้นก่อนจะหันไปสั่งสามี"คุณค่ะไปดูที"
ฮาราตะไม่ตอบละจากเอกสารตรงไปเปิดประตู"รู้แล้วๆจะเปิดให้เดี๋ยวนี้"
'ปัง/โครม!'
พอฮาราตะบิดประตูก็โดนคนที่เปิดประตูนั้นพลักติดกำแพงพร้อมบานประตู
ร่างที่เดินเข้าพร้อมน้ำเสียงแสนจะกวน"เวลาคนจะเข้าก็จะเบสามข้าทันทีให้มันรู้ไว้มั่ง"ฮารุชิลูกชายคนเล็กวัยยี่สิบของตระกูลได้เดินเข้ามาในบ้านในสภาพเปียกปอนพร้อมหญิงสาวร่างบอบบางคนหนึ่งโดยไม่สนใจพ่อที่โดนพลักติดกำแพงพร้อมบานประตู
ชายหนุ่มหันมาถามหญิงสาวที่ตัวเปียกปอนเช่นเดียวกัยบตนด้วยความเป็นห่วง"ซาคุโระเป็นยังไงบ้างจ๊ะเดี๋ยวเข้าบ้านเช็ดตัวก่อนนะ"ตาสีเขียวเหลือบไปเห็นผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าติดกำแพงพร้อมบานประตู"พ่อไปทำอะไรน่ะ"
ทำเอาฮาราตะโกรธจนไม่รู้ว่าจะด่าอะไรไอ้ลูกชายคนนี้ดีหายไปตั้งห้าปีกว่ากลับมายังคงชอบกวนประสาทตนเหมือนเคยส่วนผู้เป็นแม่และพี่สาวทำได้แต่หน่ายใจกับนิสัยของลูกชายตนที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยในเรื่องที่ชอบกวนประสาทพ่อ ฮารุชิพาหญิงสาววัยยี่สิบกว่ามานั่งที่โซฟาก่อนจะหันมาบอกกับพี่สาว"พี่ช่วยไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ผมกับเมียผมที"
คำว่าเมียของผม ของฮารุชินั่นทำเอาชิสึกุผู้เป็นแม่นั้นแทบจะลมใส่จนสลบ ส่วนคนถูกใช้นั้นอึ้งเช่นเดียวกับฮาราตะผู้เป็นพ่อเองก็อึ้งทึ้งจนพูดอะไรไม่ออกหากแต่ฮารุชิยังคงนิ่งเฉยส่วนหญิงสาวที่เป็นเมียนั่นดวงหน้าแดงก่ำราวกับมะเขือเทศสุกและบิดตัวอย่างเอียงอาย
กลับมาปัจจุบัน
ฮารุยเก็บถ้วยชาไปล้างแล้วขึ้นไปจัดกระเป๋าของตนบ้าง นานแล้วที่ไม่ได้ไปที่นั่น
.. 
รุ่งเช้าที่หน้าหมู่บ้านโคโนฮะ
ซากุระและฮารุยพร้อมด้วยเพื่อนจูนินอีกสิบเอ็ดคนและกาอาระคาคาชิได้มาอยู่รวมกันสำหรับคาคาชิที่มาด้ายเนื่องจากได้รับคำสั่งจากซึนาเดะให้มาคุ้มครองซากุระอยู่ห่างๆเพื่อป้องกันพวกเหยี่ยวมาชิงตัวศิษย์รักของตน
ทางด้านทีมเหยี่ยวที่ตอนนี้กำลังจัองกลุ่มโคโนฮะอยู่นั้นซายะแสดงความเห็น"งานนี้ท่าจะยากไปกันเป็นโขยงอย่างงี้"
โทบิเสริม"งานนี้พวกนั้นระวังตัวดีมากเลยนะ"แล้วหน้าไปถามซายะ"เธอแน่ใจนะว่าพวกนั้นจะไปแคว้นยูกิ"หญิงสาวพยักหนัารับแล้วตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"แน่นอน"
โทบิบ่น"งานช้างแล้วสิเด็กนั่นเข้าใจหาที่หลบภัยจริงๆ"
"ทำไม"อุจิวะหนุ่มถามเสียงขุ่นสายตาของเขาตอนนี้จ้องมองไปที่หญิงสาวผมสีซากุระที่กำลังยืนคุยกับคาเสะคาเงะหนุ่มอย่างสนุกปากอารมณ์เขาตอนนี้มันโกรธปนหึงหวงแทบอยากจะกระชากหญิงสาวออกมา อกเขาแทบจะระเบิดออกมาจากอกแต่ขืนบุ่มบ่ามเข้าลักพาตัวหญิงสาวตอนนี้ฝ่ายตนจะเสียเปรียบยิ่งกว่านั้นการลักพาตัวจะทำได้ยากมากขึ้น
โทบิอธิบาย"เด็กนั่นมีเป็นลูกหลานตระกูลนานาเซะตระกูลนี้เป็นตระกูลพ่อค้าใหญ่ที่ถึงแม้จะเป็นพ่อค้าแต่เจ้าเมืองให้ความเคารพมาก พวกเขาคงไม่ปล่อยหลานสาวคนเดียวถูกพาตัวไปแน่"  
อุจิวะหนุ่มพยักหน้ารับ"งานนี้ต้องวางแผนให้รอบคอบที่สุด"
โทบิส่ายหน้า"เราคงต้องจับตาดูเด็กคนนั้นอย่างเดียวซะเเล้ว"
...
ทางด้านกลุ่มโคโนฮะ
ฮารุยหันไปถาม"เอาล่ะมากันครบรึยัง"
ซากุระเอ่ยเสียงหน่ายๆ"เหลือเจ้าบ้านารูโตะคนเดียวล่ะป้า"
ไม่ทันไรเจ้าบ้าที่หญิงสาวพูดถึงก็เดินมาถึงพร้อมกระเป๋าที่อัดเเน่นด้วยขนมมากมายทำเอาทุกคนเหงื่อตกพลางคิดในใจแบบเดียวกันว่า'..มันกะย้ายบ้านเลยรึไงฟ่ะ..'ซากุระเท้าสะเอวบ่นแบบร่ายยาว"มาก็สายแถมขนของมายังกะจะย้ายบ้านเนี่ยที่มาสายคงไม่ได้ตื่นสายหรอกนะนารุโตะชาตินี้นายน่ะ หาแฟนไม่ได้หรอก!!!เพราะไม่มีเลดี้ที่ไหนชอบผู้ชายตื่นสายหรอกนะ"
คนถูกบ่นหน้าจ๋อยลงทันที
ฮารุยสรุป"พวกเราจะเดินทางไปแคว้นยูกิกันทางรถไฟนะสักห้าชั่วโมงคงถึง" 
จากนั้นทั้งหมดก็เดินทางไปยังสถานีรถไฟของอิโยะคุนิ(สมมุติค่ะ)โดยรถไฟของสถานีนี้จะแบ่งเป็นห้องๆเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสาร โดยงานนี้ซากุระขอนั่งที่ห้องคนเดียวโดยอ้างว่า'อยากนั่งอ่านหนังสือของพ่อคนเดียว'แต่คาคาชิกาอาระฮารุยก็นั่งอยู่ห้องข้างๆ
ในขณะที่กลุ่มเหยี่ยวทำได้แต่เดินทางด้วยเท้าไปแคว้นยูกิซึ่งกินเวลาถึงห้าวันงานนี้ซากุระคำนวนไว้อย่างดีเพราะมันสามารถซื้อเวลาให้เธอไขปริศนาที่พ่อทิ้งไว้ให้ และเพื่อหลบสายตาของพวกที่ปรึกษาโคโนฮะที่จ้องจะเอาแต่ประโยชน์เข้าตัวและพวกเหยี่ยวที่สำคัญนาฬิกาชีวิตของเธอเหลือน้อยเต็มที ตอนนี้ชีวิตของเธอราวกับนาฬิกาทรายที่เวลาเริ่มลดลงทีละน้อยๆ ตอนนี้อากาศเริ่มหนาวเพราะเริ่มเข้าสู่แคว้นยูกิเธอเลยต้องสวมเสื้อคลุมหนังสีน้ำตาลซึ่งคู่กับชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวคู่กับกระโปรงพรีตคลุมเข่าสีดำรองเท้าบู๊ทหนังสีน้ำตาลเธอต้องสวมหมวกฟักทองสีดำปอยผมเส้นเล็กสีลูกกวาดยังคงมาคลอเคียบนดวงหน้าเล็กน้อยดวงตาสีมรกตถูกปกปิดด้วยแว่นกรอบดำหนาเตอะทำให้ดูไม่สะดุดตา 
หญิงกำลังนั่งเท้าคางไขว่ห้างอ่านนิยายเรื่องยูนิคอร์นตัวสุดท้ายต่อจากที่เธออ่านไว้ก่อนหน้า
......
ขบวนรถเกวียนเก่าๆแล่นผ่านมาแล้วหยุดลงที่ยูนิคอร์นสาวที่ยามนี้กำลังหลับใหล หญิงชราร่างเตี้ยแคระในชุดเสื้อเก่าๆก้าวลงมาเธอสวมหมวกกรวยสีน้ำตาลใบโตมันทำให้หมวกดูเด่นมากกว่าตัวของหญิงชรา หล่อนมองมาที่ยูนิคอร์นสีขาวที่นอนหลับด้วยอ่อนล้า เธอฉีกยิ้มอย่างยินดีแล้วกล่าวขึ้น
...โอ้..วันนี้ช่างน่ายินดีเหลือเกินสวรรค์ให้ข้าได้เจอมัน..เจ้าตัวสุดท้าย...
ไม่นานก็มีชายสองคนเดินลงมาจากเกวียนคนหนึ่งเป็นชายร่างผอมสูงในชุดคลุมสีดำและสวมหมวกทรงกรวยยาวสีดำอีกคนเป็นชายร่างแคระหลังค่อมสวมผ้าปิดตาซ้ายไว้ทั้งคู่ตรงมาที่หญิงชรา "โอ้เจ้านายเกิดอะไรขึ้นรึ"ชายร่างแคระร้องถาม
"เบาๆหน่อยเจ้าโง่"หญิงชราร่างเตี้ยหันไปตะคอกเบาๆให้ได้ยินกันแค่สามคน
ชายหนุ่มร่างผอมในชุดคลุมสีดำมองมาที่สิ่งมีชีวิตที่หำลังหลับด้วยสายตาตะลึงอยู่ครู่ก่อนจะปรับให้เป็นปกติเขารู้ทันทีว่านั่นคือยูนิคอรน์ สัตว์ในตำนานที่ยืนยงดุจท้องฟ้าและพระจันทร์
หญิงชราตรงกระชากคอเสื้อขอชายหนุ่มให้ลดต่ำลงมาระดับเดียวกับตนพลางถามเสียงเย็น
"เจ้าเห็นอะไร ตอบข้ามาสิ"
หากแต่ชายหนุ่มยังคงนิ่งเฉยไม่มีคำตอบใดๆออกมา
หญิงชราเค่นเสียง"ตอบมาสิ ไอ้พ่อมดกำมะลอ"
ชายหนุ่มสะดุ้งก่อนจะตอบ"มันก็แค่ม้าสีขาว"
หญิงชราพอใจในคำตอบจึงหัวเราะเบาๆพลางปล่อยคอเสื้อของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ"ใช่ ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้ามันก็แค่ม้าสีขาว เอาล่ะข้าจะนำมันร่วมขบวนเรายังพอมีกรงเหลืออีกหนึ่งกรง พรุ่งนี้ผู้คนต้องแห่มากันแน่ ฮิฮิๆ"
เมื่ออาชาในตำนานเริ่มขยับ ชายหนุ่มร้อง"มันกำลังจะตื่น"
"ไม่ต้องห่วง"และแล้วหญิงชราเริ่มร่ายมนต์ ทำให้เจ้ายูนิคอรน์สาวหลับใหลและมีเขาแสงสีขาวออกมา ทำให้สายตาคนทั่วไปมองว่ามันเป็นยูนิคอรน์จริงๆแต่สำหรับชายหนุ่มร่างสูงนั้นในสายตาของเขานั้นกลับเห็นเป็นเจ้ายูนิคอรน์ที่ถูกใส่เขาเพิ่มก็เท่านั้น
รุ่งเช้าคณะละครสัตว์นั้นมีผู้คนแห่มาดูสัตว์ประหลาดในตำนานกันมากมายโดยมีชายร่างแคระหลังค่อมนั้นค่อยแนะนำไปทีละกรง 
เจ้ายูนิคอรน์สาวนั้นรู้สึกตัวก็พบว่าตนเองนั้นอยู่ในกรงเสียแล้ว
"ชู่ว เงียบไว้เพื่อนเอ๋ย ตอบข้าว่าเจ้าเห็นอะไร ข้าเป็นเพื่อนขอเจ้านะ"ชายหนุ่มร่างผอมในชุดคลุมสีดำเช่นเดียวกับหมวกทรงกรวยสูงถาม
เจ้ายูนิคอรน์มองไปทีละกรงก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสงสารปนสมเพช"มังกรที่ใครๆเห็นจริงๆก็แค่งูดินตัวหนึ่งก็เท่านั้น คิเมร่าที่น่ากลัวก็แค่สิงโตที่แก่ชราน่ารังเกียจ โอ้ ท่านอย่าให้ข้าพูดเลยมันน่าสมเพชเหลือเกิน แต่มีอย่างหนึ่งที่จริงนั่นคือกริฟฟิน"ในตอนนี้เจ้านกครึ่งสิงโตกำลังคุ้มคลั่งพยายามจะทำลายวงเวทย์ในกรง ชายหนุ่มมองไปยังกรงเจ้าสัตว์ร้ายหน้านั้นซีดลง"โอ้ ยายหญิงแก่นั่นจับเขาได้ตอนหลับเหมือนกับเจ้าไงล่ะ หล่อนยังเสกเนยเป็นครีมไม่ได้ ดีแต่สร้างภาพลวงตาอีกไม่นานเขาก็จะพังกรงออกมาสามสี่วันนี้ข้านอนไม่หลับเลย "
เจ้ายูนิคอรน์สาวรู้ว่าคนตรงหน้าสามารถมองเห็นตนและเขาก็เป็นมิตร"เจ้าคือใครล่ะ"
ชายหนุ่มเริ่มแนะนำตน"ข้าชื่ออันคัส เป็นพ่อมดตัวจริงถึงแม้เวทย์มนต์ยังไม่เก่งกล้านัก คือข้ามีหน้าที่ให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมความจริงมันไม่ใช่หน้าที่พ่อมดตัวจริงแต่ข้าก็ทำได้ไม่ดีนัก"
ชายร่างแคระตะโกนไล่ พ่อมดหนุ่มจึงหันไปบอกลาเจ้ายูนิคอรน์สาว"ไม่ต้องกลัวนะ ข้าอันดัสอยู่ข้างเจ้าเสมออย่าทำอะไรผลีผามล่ะ"พอพอ่มดหนุ่มจากไป ชายร่างแคระหลังค่อมก็นำคนดูมาที่หน้ากรงยูนิคอรน์สาวพลางแนะนำ"นี่คือยูนิคอรน์"จบคำ ผู้คนต่างมุงดูบางรายน้ำตาไหลที่ได้เห็นอาชาขาวมีเขาเดียวงามสง่าเป็นขวัญตาแต่ใครจะรู้บ้างว่าเขาแสงที่เห็นนั้นคือเขาที่นางแม่มดร้ายเสกขึ้น
'ปึก'ซากุระปิดหนังสือพลางถอดแว่นนวดขมับตอนนี้เบาะแสที่มีอยู่คือหนังสือเล่มโปรดของพ่อเท่านั้น ร่างบางเหม่อมองไปนอกหน้าต่างในตอนนี้เริ่มมีหิมะโปรยปรายมันทำให้เธอนึกถึงวันเก่าๆที่เธอมักจะเล่นปั้นตุ๊กตาหิมะกับป้าสองคนมันช่างสุจใจเหลือเกินแต่ในตอนนี้เธอจะมีชีวิตได้อีกไม่นานเธออยากหาตำราต้องห้ามให้เจอเพราะใจหนึ่งอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกใจอยากจะนำมาช่วยเหลือผู้คน ตาสีมรกตเหม่อลอยในหัวนั้นคิดถึงปริศนาที่พ่อให้ไว้ ตอนนี้ทางเดินสำหรับเธอนั้นกลับดูมืดมนเหลือเกินเธออยากย้อนกลับไปในอดีต ซากุระนึกถึงในวัยเด็กเธอมักจะฝันว่าตนเองได้ผจญภัยบนโลกกว้างได้เห็นสิ่งต่างๆมากมายดวงตาคู่งามเริ่มหนักอึ้งเธอจึงเก็บหนังสือใส่กระเป๋าแล้วผล็อยหลับไปในขณะที่รถไฟกำลังแล่นเข้าสู่แคว้นยูกิอันเป็นจุดหมายของเธอ

พันธสัญญาสีดำ ตอนที่ 2 อันตรายที่จ่อหลัง

ทางด้านซากุระ
เด็กสาวหลังจากกลับมาบ้านเอาแต่นอนครุ่นคิดอยู่บนเตียงนุ่มสีเขียวอ่อนและพึมพำเบาๆ
…อะไรน่ะ ไวท์จะดื่มตัวเองได้ยังไงเป็นไปไม่ได้...ประโยคนี้น่าจะเอามาจากหนังสือนิยายแฟนตาซี พ่อเราชอบอ่านหนังสือปะเภทนี้ด้วยน่ะรึ 
เธอรู้แต่ว่า ฉลาด เค้าเก่ง เค้าคือผู้เสียสละ ยอมสละชีวิตเพื่อคนที่อื่น เธอรู้แค่นั้น
แต่ในระหว่างคิดก็ถูกเรียกโดยป้าของเธอ
”ซากุระ มาทำกับข้าวให้ป้าหน่อย”
” ค่า จะลงไปเดี๋ยวนี้”
เธอกระเด้งตัวขึ้น”เอาเถอะค่อยๆคิดก็แล้วกัน”
...
เด็กสาวไม่รอช้ารีบลงมาที่ครัวทันที พฤติกรรมการทำครัวของเด็กสาวนั้นได้อยู่ในสายตาของชายหนุ่มผมดำนาม ซาสึเกะหมด
ทางด้านซาสึเกะ เค้าแอบมาดูเธอที่นี่ ถึงจะต้องรักษาระยะห่างเพราะมีหน่วยลับเพ่นพ่านอยู่ทั่วก็เถอะ
ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยพลางคิด
..เป็นแม่ศรีเรือนจริงๆที่รักของฉัน..
เขานั่งนั่งมองหญิงสาวผู้เป็นที่รักของเขาจากบนต้นพลับห่างจากบ้านของเด็กสาวพอสมควร ชายหนุ่มกำลังจินตนาการว่าเธอกำลังนำข้าวปั้นมาป้อนเขาถึงปากของเขา เมื่อก่อนเขาแอบฝันมาตลอดว่าจะมีชีวิตที่สงบอยู่ด้วยกันกับเธอ มีแค่เธอกับเค้าและลูกๆของเค้า 
แต่แล้วความคิดของเขาก็ถูกขัดขึ้น
”ซากุระกับข้าวเสร็จรึยัง”
”ค่า วันนี้มีข้าวปั้นสมุนไพรและของหวานก็เป็นลูกแพรหวานค่ะ”
ซาสึเกะนั่งดูอยู่นานจนใกล้ค่ำ
…แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่นะที่รัก…
ชายหนุ่มหายตัวไปราวอากาศธาตุ
ทางด้านซากุระ
…ทำไมรู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองเราตั้งแต่ทำกับข้าวแล้วนะ คงคิดไปเองมั้ง…
”เป็นอะไรรึเปล่า”
”เปล่าค่ะ เอ่อ ป้าค่ะ หนูถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่ามาสิ”
“พ่อของหนูเขาเป็นคนยังไงเหรอค่ะ”
ฮารุยทำสีหน้าปั้นยาก
ซากุระหุบยิ้ม"ถ้าไม่สบายใจป้าก็..."
ฮารุยยิ้มหวาน เธอควรจะบอกเล่าให้หลานฟังตั้งนานแล้ว”ก็...จะพูดยังไงดีล่ะ เขาเป็นคนเก่งที่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนที่ตัวเองชอบล่ะนะ”
“จริงเหรอคะ”เด็กสาวรู้สึกตื่นเต้นไม่นึกว่าพ่อตัวเองนั้นจะเป็นคนยังงี้
”ใช่แล้วล่ะซากุระ”
”โห งั้นพ่อคงเนื้อหอมและเก่งมากเลยล่ะ”ก็พ่อของเธออกจะหล่อเหลาปานเทพบุตรแบบนั้นนี่นา
”นั่นก็จริงนะ ป้าจะเล่าให้ฟังล่ะกันนะ…เมื่อก่อนน่ะพ่อเราเขาเป็นเด็กฉลาดมากเลยแหละเป็นที่ชื่นชอบของคุณครูและเพื่อนๆในวัยเดียวกัน แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไรเหรอคะ”
“ก็เป็นที่น่าหมั่นไส้ของพวกนินจารุ่นพี่เลยทีเดียวล่ะ มีครั้งหนึ่งที่ท่านรุ่นสามออกมาเห็นเลยชมใหญ่เลยแหละตอนนั้นท่านพูดว่า’โตแค่ห้าขวบแต่เก่งมากกว่าเกะนินซะอีก’พวกเกะนินพวกที่หมั่นไส้พ่อเราก็รุมทำร้าย ดีที่ป้ากับเพื่อนไปช่วยได้ทันตอนนั้นสะบัดสะบอมเอาเรื่องแต่ไม่สาหัสอะไรแค่ฟกช้ำดำเขียวและแขนขวาเดาะ แต่นั้นก็ทำให้แค้นอาฆาตพวกนั้นมากเลยล่ะ”
”เหรอคะแล้วพ่อเขาล้างแค้นพวกนั้นรึเปล่าคะ”
“ก็โอกาสเริ่มอำนวยสามปีต่อมา ท่านรุ่นสามอยากให้พ่อเราสอบจูนินตอนนั้นปู่กับย่าเราค้านหัวชนฝาเลยล่ะ แต่ก็จำยอมเลยเพราะท่านรุ่นสามขอทั้งที่เพราะอยากเห็นฝีมือ ตอนนั้นเขาก็เจอกับอุจิวะ โซระตอนนั้นยัยนั้นอายุห่างกับพ่อเราตั้งห้าปีแต่เราดันชอบเอามากๆเลยล่ะเพราะได้อยู่ทีมเดียวกัน หลังจากนั้นพอผ่านข้อสอบข้อเขียนและด้านป่ามรณะกว่าจะออกจากป่าชิงคัมภีร์ได้ตั้งสามวัน รอบสามเป็นคัดเลือกไปรอบชิงโดยการต่อสู้ตอนนั้นพ่อเราถูกจับคู่กับ1ใน2เกะนินที่เคยแกล้งเขา”
”ผลเป็นอย่างไงเหรอค่ะป้า”
”รายนั้นโดนพ่อเราอัดซะน่วมปางตายดีนะที่กรรมการห้ามไว้ไม่งั้นเจ้านั่นได้ช้ำในตายแน่เรียกได้ว่าทบต้นทบดอกชำระหนีแค้นครบเซ็ตเลย”
ฮารุยนึกย้อนไปสี่สิบปีก่อนตอนเป็นจูนินแล้วแอบมาดูน้องชายแข่งเข้ารอบชิงในตอนนั้นเป็นแบบตัวต่อตัวการต่อสู้ในตอนนั้นน้องชายของเธอเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะตัวเล็กกว่าเพราะสูงแค่145เอง
’ตุ้บ!!/แค่กๆ’
ร่างเล็กของฮารูชิถูกคู่ต่อสู้เตะกระเด็นจนร่างเล็กกระแทกกับกำแพงสนามแข่งจนกระอักเลือดออกมา
’ไง ไอ้เด็กอ่อนเด่นนักนะแก’
คู่ต่อสู้หยิบมีดคุไนหมายจะจัดการเด็กชายตรงหน้า ภาพนั้นทำให้ฮารุยแทบอยากจะปิดตาแต่ก็ภาวนาขอให้น้องชายพลิกสถานการณ์ได้
’ชิ้ง!/เคร้ง!’
มีดคุไนถูกดาบยาวคู่ที่ยังไม่ถอดออกจากฝักดาบของน้องชายที่หยิบออกมาจากคัมภีร์นินจา ปัดออก ’ตาผมล่ะครับ’ ฮารุชิพูดพลางเหยียดยิ้มชวนเสียวสันหลังจนฮารุยรู้สึกได้ เด็กหนุ่มวัยแปดปีออกตัวหมายจะฟันคู่ต่อสู้ตรงหน้าทำให้คู่ต่อสู้นั้นตกใจตั้งรับไม่ทันเลยโดนดาบคู่ตีหน้าเต็มแรงก่อนจะกระหน่ำด้วยการฟาดหลังซ้ำตีซ้ำอีกหลายทีแล้วตบท้ายด้วยฮารุชิกระโดดยืนบนหลังอีกฝ่ายเต็มแรงจนกระอักเลือดขอยอมแพ้
’แค่กๆหยุดเถอะยอมแพ้แล้ว หยุดเถอะ ขอร้องล่ะ’
ทว่าสายตาของฮารุชินั่นมีแต่ความเย็นชา
’สายไปแล้วล่ะครับ ทีรุ่นพี่รุมรังแกเด็กห้าขวบ สองรุมหนึ่งแถมอีกฝ่ายอายุน้อยกว่าตั้งห้าปีซะด้วย /ตุ้บ/อ้ากกกกกกก’ฮารุชิกระทืบเท้าขวาลงบนหลังอีกฝ่ายเต็มแรง
’ทีงี้มาขอความเมตตามันน่าซ้ำให้ตาย’
’นี่เธอหยุดได้แล้ว’
กรรมการคุมแข่งรีบมาหยุดการแข่งก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายแรง
’ผู้ชนะ ฮารุโนะ ฮารุชิ’
”ป้าคะ ป้าเล่าต่อสิคะ” เสียงหลานสาวได้เรียกสติฮารุยทำให้เธอหลุดจากภวังค์
ฮารุยจึงตัดบท“อ่ะจ้ะไว้เล่าพรุ่งนี้ล่ะกัน ป้าง่วง”
”เหรองั้นคะ หนูอยากรู้จัง ว่าพ่อเขามีหนังสือที่ชอบอ่านบ้างรึเปล่าคะ”
”อ้อ มีนะอยู่ในห้องพ่อเขาน่ะ อยู่ใต้หมอนป้าไม่ได้เอาออกเล่มนั้นพ่อแก รักมาก”
”ค่ะ ป้าไปนอนเถอะ”
”ป้านอนล่ะ”
พอผู้เป็นป้าขึ้นห้องไปนอนแล้วเด็กสาวล้างจานก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องของ พ่อ ภายในห้องนั้นสะอาดเป็นระเบียบเพราะป้ามักจะมาทำความสะอาดเป็นประจำแต่ทุกสิ่งในห้องนี้ยังเหมือนเดิม เธอไม่เคยเข้ามาหรอก ห้องนี้ก็ไม่ต่างจากห้องที่ปิดตาย ไม่เคยเปิดให้ใครใช้
เธอมานั่งที่โต๊ะเครื่อแป้งในห้อง
ถ้าเธอมีผมสีดำ และเป็นผู้ชายล่ะก็ เธอคงจะเหมือนพ่อไม่หยอกแน่ๆ หรือไม่หากเธอมีน้องชาย น้องชายต้องหน้าเหมือนพ่ออีกคนแน่
 ร่างบางมองตรงไปที่เตียงสีขาว ในห้อง ที่เคยเป็นที่นอนของพ่อกับแม่ด้วยแววตาเศร้าสลดตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเจอพ่อกับแม่เลยเคยเห็นแต่ในรูปเท่านั้น
เธอล้มตัวนอนบนเตียงพลางลูบบนเตียงอย่างคิดถึง หากเธอมีพ่อแม่ ชีวิตคงจะมีความสุขกว่านี้สินะ มือเรียวสวย ล้วงเข้าใต้หมอนก็พบหนังสือที่เธอค้นหามันเป็นหนังสือเล่มไม่หนามากแต่ก็ได้รับการรักษาอย่างดีปกหนาสีดำลายอักขระสีขาวหน้าปกมีรูปยูนิคอร์น
‘ยูนิคอร์นตัวสุดท้าย’
เด็กสาวไม่รอช้าเปิดหน้าคำนำของหนังสือ
’กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในยุคตอนที่ยูนิคอร์นได้หายสาบสูญไปจากโลก โดยไร้สาเหตุ แต่ยังโชคดีที่ยังมียูนิคอร์นเหลืออยู่บนโลกที่ใครๆก็ขนานนามมันว่า ยูนิคอร์นตัวสุดท้าย ที่ต่อมาได้เป็นการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่’
”อืม ก็ไม่เลวแฮะ”
เด็กสาวเริ่มอ่านต่อในบทนำ
’ในป่าแห่งหนึ่งที่เงียบสงบ เสียงฝีเท้าม้าสองตัวได้วิ่งผ่านโดยมีสุนัขล่าเนื้อนำทาง พรานสองพ่อลูกนั่งม้ามา พรานผู้เป็นพ่อเริ่มเปรยกลับลูกชาย
…ข้าไม่ชอบบรรยายกาศแบบนี้เลย ในป่าแถบนี้มียูนิคอร์นอาศัยอยู่ทำให้พวกสัตว์ป่านั้นมีเวทย์มนต์ส่วนมากจะใช้เพื่อพรางตัว…
ลูกชายนึกสงสัยจึงหันมาถามพ่อ
…ยูนิคอร์นเหรอ มันมีจริงเหรอ ข้าคิดว่ามันมีแต่ในนิทานซะอีกข้าว่าป่าแห่งนี้ก็เหมือนกับที่อื่นๆน่ะน่า…
ผู้เป็นพ่อจึงย้อนถาม…งั้นทำไมถึงไม่มีฤดูร้อนหรือหิมะตกที่นี้เลยล่ะฮะ ข้าอยากจะบอกให้เจ้าไว้นะ ตราบใดที่ป่าแถบนี้ยังมียูนิคอร์นปกป้องอยู่ เราจะไม่มีเกมส์อะไรให้ล่าอีกเลย…
ลูกชายเริ่มเชื่อจึงพูดตัดบททันที…กลับกันเถอะไปล่าที่อื่นดีกว่า…
ผู้เป็นพ่อเห็นด้วยจึงตกลงก่อนที่ทั้งคู่จะควบม้ากลับผู้เป็นพ่อหันมาเอ่ย
…อยู่ตรงนั้นแหละ เจ้าตัวประหลาด ซ่อนตัวซะก่อนจะถูกจับ โลกนี้ ไม่มีที่สำหรับเจ้าแล้ว อยู่ปกป้องพวกพ้องซะ ขอให้โชคดีนะเจ้าตัวสุดท้าย…
ว่าแล้วพรานสองพ่อลูกก็ควบม้าจากไป แต่มีบางสิ่งที่จ้องมองพรานสองพ่อลูกจนลับสายตาร่างนั้นค่อยๆก้าวออกมาจากป่าทึบเป็นร่างของม้าสีขาว บริสุทธิ์ ท่าทางสง่างามมีเขาสีเงินที่หมุนเป็นเกลียวอยู่กลางหน้าผากดวงตาสีน้ำเงินกลมโตคู่สวยของยูนิคอร์น สลดลงพลางรำพันกับตัวเอง
…ข้าคือยูนิคอร์นตัวเดียวที่นี้ ตัวสุดท้ายเหรอ แล้วตัวอื่นๆล่ะอยู่ที่ไหนล่ะ หรือว่าอาจจะถูกฆ่า เป็นไปไม่ได้พวกเราเป็นอมตะยืนยงดุจท้องฟ้าและพระจันทร์ ทำไมล่ะ ทำไม…
ลมเย็นๆได้พัดมา ขนสีขาวบริสุทธิ์ของยูนิคอรน์สาวได้พลิ้วไสวไปตามลม
ยูนิคอร์นสาวเหม่อมองออกไปบนท้องนภายามราตรีที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ พลางคิด
…ข้าไม่ควรออกป่าเลย แต่ข้าก็อยากรู้ว่าข้าไม่ใช่ ยูนิคอร์นตัวสุดท้าย ข้าอยากรู้ว่าพวกพ้องของข้าอยู่ที่ใด ทำไมสวรรค์ถึงกลั่นแกล้งข้า ทำไมข้าถึงไม่เจอตัวอื่นๆเลยล่ะ…
ตาสีมรกตอ่านต่อไปเรื่อยๆ ที่เธออ่านนั้นเป็นคำรำพึงรำพันของเจ้ายูนิคอร์นตัวสุดท้าย ที่รำพันถึงความเหงา ความเศร้าต่่อสรรพสิ่งในธรรมชาติ ทั้งสายลม สายน้ำ ทุ่งหญ้า ผืนป่า...
”ปึก!!”
เด็กสาวปิดหนังสือทันทีเพราะว่าเริ่มรู้สึกง่วงมาก ซากุระอ่านหนังสือนานพอดูเลยหยิบนาฬิกาในกระเป๋ามาดูเวลา
”ห้าทุ่มแล้วแฮะ นอนดีกว่า”
เด็กสาวเก็บหนังสือไว้ที่เดิมแล้วออกจากห้องไปห้องนอนของตน
...
ทางด้านกลุ่มเหยี่ยว
หลังจากที่ซาสึเกะแอบดูซากุระแล้วเขาก็กลับมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่โทบิได้อธิบายเรื่องที่ซาสึเกะไปสูดอากาศ
”ซาสึเกะ/ท่าน ซาสึเกะค่า”
คารินและซายะต่างตะโกนเรียกแล้ววิ่งไปกอดแขนซ้ายขวาแต่ก็โดนซาสึเกะสะบัดออกอย่างไม่ใยดีทำให้ทั้งคู่ล้มก้นจ้ำเบ้า
”เจ็บจัง คารินเจ็บนะคะท่านซาสึเกะ”
ซายะไม่อ้อนเพราะไม่อยากเจ็บตัว(กลัวซาสึเกะ)
”ฉันจะพักมีอะไรค่อยรายงานพรุ่งนี้”
ว่าแล้วซาสึเกะก็ล้มตัวนอนพิงต้นไม้โดยไม่สนใจใคร ซุยเงสึบ่นใส่
”นี่กะไม่ฟังรายงานเลยรึไงวะ”โทบิพูดขึ้น
”บอกฉันก็ได้”
ซายะจึงรายงาน”ดูเหมือนว่ายัยนี่จะลาพักจากงานนะก็น่าจะประมาณเดือนหนึ่งแต่ดูจากประวัติแล้วยัยนี่ไม่เคยลาพักนานขนาดนี้เลยฉันว่ามันน่าสงสัย”
โทบิจึงถาม”สงสัยรึ”
”ใช่ คนที่เป็นนินจาแพทย์น่ะไม่น่าจะได้หยุดยาวขนาดนี้เลย ยัยนี่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นโรคอะไรเลยด้วยแต่รุ่น5ก็ให้ยัยนี่ลาหยุดยาวอีก ถึงจะเป็นคนสนิทอย่างไงก็ไม่น่าจะให้หยุดยาวขนาดนี้ มันน่าสงสัย”
ซาสึเกะขมวดคิ้วคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้น
”เอางี้ พรุ่งนี้พวกเราจะคอยพลัดกันจับตาดูยัยนั่น ถ้ามีอะไรผิดสังเกตให้มารายงานที่ฉัน”
”ตกลง/รับทราบค่า/โอเค”
”งั้นทุกคนพักผ่อนก่อนเถอะ”
โทบิสรุป ทั้งหมดต่างหามุมพักผ่อนโดยที่ซาสึเกะได้แยกไปนอนอีกที่เพราะไม่อยากให้คารินและซายะมารบกวนตอนหลับ
...
รุ่งเช้า ณ บ้านของซากุระ
ร่างบางของเด็กสาวผมสีซากุระนอนอยู่บนเตียงนุ่มอย่างสบายใจโดยไม่นานเสียงของนกน้อยที่ส่งเสียงแข่งกันนั้นทำให้เธอตื่นขึ้น ร่างบางบิดขี้เกียจไปมาสองสามที
”ซากุระ กินข้าวได้แล้วลูก”
เด็กสาวขานรับ
”ค่า”
ซากุระเดินเข้าไปแปรงฟันล้างหน้า มือบางเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูสีขาวมาซับใบหน้าพลางส่องกระจก
”…สัญญา…”เสียงแห้บทุ้มของชายชราดังขึ้น
”อ๊ะ”
เสียงปริศนาทำให้เด็กสาวตกใจหันหลังไปมอง ก็ไม่พบอะไรจึงตัดสินใจลงไปทานข้าวเช้า
“อ้าวซากุระนอนไม่พอรึไงนะหน้าซีดเชียว”
เด็กสาวส่ายหน้า
”ไม่มีอะไรค่ะ อ้อ หนูอิ่มแล้วเดี๋ยวหนูขอตัวไปอ่านหนังสือก่อนนะ”
ฮารุยอดไม่ได้ที่แซว
”ฮั่นแน่ ชอบอ่านหนังสือของท่านปู่ด้วยเหรอ เล่มนั้นน่ะเป็นของที่ท่านปู่มอบให้พ่อเราเชียวนะรักษาดีๆล่ะ ป้าไปจ่ายตลาดก่อนนะ”
”ค่ะ”
ซากุระรีบวิ่งขึ้นมาบนห้องนอนของพ่อกับแม่แล้วหยิบหนังสือมาอ่านอีกครั้งเธอไล่หน้ากระดาษไปจนกระทั่งเธอเจอหน้าที่เธออ่านค้างไว้
....
…ยูนิคอร์นสาวนอนทบทวนความคิดของตนอยู่เนินนานจนกระทั่งมันได้ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดแล้วว่าจะออกตามหาพวกพ้องของตน ทางออกจากป่าเหล่าสัตว์ทั้งหลายได้มารออยู่เพื่อห้ามไม่ให้ยูนิคอร์นสาวจากไป แต่ว่ามิอาจห้ามการตัดสินใจของยูนิคอร์นสาวได้ ยูนิคอร์นสาวตัดสินใจเด็ดขาดจึงเร่งฝีเท้าออกจากป่าทันที
…ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด…
วันเวลาผ่านไป
หลายวัน เจ้ายูนิคอร์นสาวก้ยังหาเบาะแสของพวกพ้องตนไม่เลย มันรู้สึกเหนื่อยล้าเมื่อเห็นต้นไม้ใหญ่อยู่ไม่ไกลด้วยความเหหนื่อล้าเจ้ายูนิคอร์นสาวจึงล้มตัวนอนใต้ต้นไม้ใหญ่ด้วยความอ่อนล้า
“ปึก!”
ซากุระตัดสินใจปิดหนังสือเล่มหนาทันที ก่อนจะบ่น
”เยอะจังเลย - 3 – สามวันจะอ่านหมดไหมนะ”
เด็กสาวคิดในใจ
…ไม่นึกเลยว่าพ่อเรานี่ชอบอ่านหนังสือแบบนี้ด้วยแฮะ…
”ออกไปเดินเล่นดีกว่าร่างบางลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเก็บหนังสือเข้าที่เดิม เธอกลับที่ห้องแล้วหวีผมให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้านโดยไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าตังค์ของตนมาด้วย(ไม่งั้นเดี๋ยวไม่มีตังค์กินขนม อิ อิ:ซากุระ)
ซากุระตัดสินใจไปที่ห้องพักที่หอพักนินจาแพทย์ความจริงเธอเองก็มีบ้านอยู่แต่เพราะว่าบางครั้งตัวเธอมีงานรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลบางครั้งก็ถูกเรียกตัวมากลางดึกทำให้ต้องมาเช่าหอพักใกล้โรงพยาบาลเพื่อความสะดวกโดยวันหยุดเธอก็จะกลับไปอยู่กับป้า
ระหว่างทางที่เด็กสาวผมสีชมพูอ่อนกำลังเดินทางไปนั้น
“ซากุระจางงง!!!!”
เสียงเรียกนั้นทำเอาซากุระต้องหันไปมองด้วยสายตาหน่ายๆก่อนจะเท้าสะเอวถาม
”มี’ไรยะ นารุโตะ”
เด็กหนุ่มผมทองผิวแทนตาสีฟ้ามีขีดสามขีดที่แก้มทั้งสองข้างบิดตัวอย่างเอียงอาย
”คือว่า ฉันอยากเดตกับฮินาตะน่ะนะแต่ว่าโดนเนจิขว้างน่ะ เพราะงั้นเธอช่วยฉันหน่อยนะ”
ตบท้ายด้วยการที่นารูโตะทำหน้าอ้อนสุดฤทธิ์ร่างบางพ่นลมหายใจอย่างเซ็ง
”เก็บลูกไม้นี่ไว้ใช้กับฮินาตะเถอะย่ะ ช่วยก็ได้ย่ะ”
“จริงเหรอๆๆ”
รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนดวงหน้างามทำเอานารูโตะเสียงสันหลังวูบๆเพราะรู้ว่าเพื่อนสาวของตนไม่เคยทำอะไรแล้วไม่หวังผลตอบแทนเลยสักครั้ง เด็กหนุ่มกลืมน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างลำบาก
”นายจ่ายชั้นมาพันเรียวเดี๋ยวฉันจะช่วยจัดการเนจิเอง”
จบคำของเด็กสาว หน้าของเด็กหนุ่มผมทองซีดลงแล้วเหงื่อตกพลางก้มลงดูที่กระเป่าตังค์ของตน
…ตายล่ะหว่า…คราวนี้ได้กินแกรบแน่…
ซากุระเห็นกิริยาแบบนั้นก็อดขำไม่ได้
”ฮิๆฮิๆนายคิดจะเดตทั้งๆที่ตัวเองบ่อจี๊เนี่ยนะ คุๆคุๆ”
หน้านารูโตะตอนนี้จ๋อยอยู่แล้วก็ยิ่งจ๋อยเข้าไปอีก ซากุระเห็นอย่างนั้นจึงเข้าปลอบ
”โถ่ อย่างทำหน้าเป็นตูดหมาสิ ฮึ! ฉันไปล่ะ ฉันกะจะไปทำความสะอาดห้องพักซะหน่อย”
พอร่างบางหันกลับไปยังจุดหมายแต่นารูโตะก็เดินมาขว้างทาง
”ซากุระจังช่วยฉันหน่อยเถอะนะๆ”
ซากุระเบี่ยงหลบพร้อมหันหน้ามาขู่
”ฉันไม่ใช่พวกที่มีเวลาว่างมากนักนะ”
ซากุระนึกย้อนไปเมื่อสมัยก่อนนารูโตะมักจะตื้อเธอให้ไปเดตด้วยจนสุดท้ายเธอต้องปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมเตือนสติให้นารูโตะหันไปมองฮินาตะบ้างเพราะว่าเธอรู้ดีว่าฮินาตะนั้นหลงรัก นารูโตะมานานแล้วอีกอย่างตัวเธอนั้นยังไม่อยากรักใครด้วยเพราะเธอรู้ตัวดีว่าเธอคงอยู่ได้ไม่นาน ร่างบางเหม่อมองไปยังท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งสายลมได้พัดมาเบาๆทำให้ผมสีชมพูปะบ่าพริ้วไหวไปตามแรงลมรอยยิ้งบางๆผุดขึ้นบนดวงหน้าหวาน
…ฉันจะเป็นแพทย์ที่เก่งได้สักครึ่งหนึ่งของพ่อบ้างไหมนะ…
พอซากุระไปยังห้องพักเธอก็เริ่มทำความสะอาดห้องทันที
...
ผ่านไปชั่วโมงกว่า
ร่างบางยกมือปาดเหงื่อ ก่อนจะมองห้องพักของตนที่ตอนนี้ถูกจัดเป็นระเบียบและสะอาดแล้ว
“เฮ้อหิวแล้วไปกินราเม็งดีกว่า”
จู่ๆก็มีข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือของเธอ
‘คุณซากุระค่ะ ช่วยออกมาเจอฉันที่ร้านอาหารอิตาลีที่ย่านการค้าโคโนฮะ ตอนบ่ายโมงครึ่งหน่อยค่ะ เจอกันตรงที่นั่งหลังสุด’
ร่างบางกระตุกยิ้มนิดๆ
…งานนี้คงต้องปลอมตัวกันหน่อย…
ย่านการค้าของโคโนฮะ
สายตาทุกคู่ได้มองมาที่เด็กสาวผมลอนสลวยสีทองตัดสั้นปะบ่าเธอสวมหมวกทรงเค้กสีทราย สวมแว่นกันแดดแฟชั่นสีหวานขอบขาวอันโตมันปิดใบหน้าของเธอเกือบครึ่ง และสวมชุดเดรสสายเดี่ยวสีกุหลาบ และสวมแจ๊คเก็ตหนังสีน้ำตาลทับอักที คู่กับรองเท้าบู๊ทสีดำ มีกระเป๋าสะพายใบเล็กๆสีน้ำตาลสะพาย ริมฝีปากนั้นเคลือบลิปสติกสีแดงสดตัดกับผิวขาวๆทำให้เธอดูเป็นสาวเปรี้ยวน่ารัก
เธอตรงไปยังร้านอาหารอิตาลี ก่อนจะเลือกนั่งตรงที่หลังสุดและหยิบเมนูมาสั่งอาหารกับพนักงาน
“เอาทิรามิสุที่1ค่ะ”
“ครับคุณหนู”
พอลับร่างของพนักงาน
ก็มีเด็กสาวผมหน้าม้าตาสีไข่มุกเดินสวนมาก่อนจะมองมาที่เธออย่างงุนงง
“เธอเป็นคนนัดฉันเองนะ ฮินาตะ นั่งก่อนสิ”
“คุณซากุระเองเหรอคะ เล่นแต่งซะฉันจำแทบไม่ได้เลยนะคะ”
“หึๆ พอดีฉันอยากจะเล่นปลอมตัวกับเขาบ้างน่ะนะ”
“ทีรามิสุที่สั่งไว้ได้แล้วครับ”
พนักงานหนุ่มวางขนมหวานลงตรงหน้าหญิงสาวแล้วเดินออกมา
ซากุระยื่นเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะส่งให้ฮินาตะ”สั่งอะไรหน่อยสิ ทีรามิสุร้านนี้อร่อยใช้ได้เลย”
“อ่ะค่ะ แต่ตอนนี้ฉันกำลังไดเอ็ดอยู่น่ะค่ะ แต่คุณซากุระเนี่ยไม่กลัวอ้วนเลยนะคะ”
ตาสีมรกตภายใต้แว่นกันแดดสีชาจ้องมองอาการของอีกฝ่ายก่อนจะถาม”เธอคงไม่ได้มาชวนฉันมาทานขนมหรอกนะ” “คะ…คือว่าฉันอยากให้นารูโตะมาชอบฉันบ้างน่ะค่ะ ช่วยแนะนำฉันหน่อยได้ไหมคะ” ซากุระยิ้มบางๆ”ฮินาตะ ถ้าคนเราจะรักใครซักคนหนึ่งเราสามารถเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนที่เรารักได้นะแต่ คนที่รักเราจริงน่ะต้องรักในตัวตนที่แท้จริงของเรานะเพราะฉะนั้นฉันคงแนะนำได้ว่าเป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่สุดแล้ว ฉันกลับล่ะ”ว่าแล้วเธอก็วางเงินค่าขนมไว้บนโต๊ะแล้วเดินจากไปทิ้งให้หญิงสาวตาสีไข่มุกนั่งอยู่คนเดียว ในตอนนี้ซากุระกำลังร้องเพลงเดินเล่นอย่างสบายอารมณ์ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนตอนที่เธอทำอาหารนั้นรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองตลอดเธอเลยอยากจะลองปลอมตัวดู
“เล่นอะไรของเธอน่ะ ซากุระ”เสียงหนึ่งร้องทักจากด้านหลัง
หญิงสาวหันมา”กาอาระเองเหรอ”
เบื้องหน้าของเธอคือ ซาบาคุโนะ กาอาระ ชายหนุ่มผมสีแดงเพลิง ผิวขาวตาสีเขียวมรกต ขอบตาดำและอักษรคำว่ารักและแบกน้ำเต้าอันใหญ่นั้นเป็นเอกลักษณ์ หญิงสาวเอ่ยพลางยิ้ม”แต่งขนาดนี้ยังจำได้เก่งจัง”
อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ“ทำไมฉันจะจำเสียงเธอไม่ได้ล่ะ ได้ยินว่าเธอลาหยุด อาการมันกำเริบหรือยังไง”
หญิงสาวส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยลอยๆ” รู้ไหมฉันน่ะเตรียมใจที่จะตายมานานแล้วแต่มันเหมือนมีสิ่งที่ติดค้างในใจฉัน “
“สิ่งติดค้างอะไรเหรอ”ชายหนุ่มถาม
“ ไม่รู้สินะ แต่กว่าจะรู้ท่านซึนาเดะคงรักษาฉันหายแล้วล่ะนะ ฮ่ะๆ”
กาอาระเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด”ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมาช่วยฉันเธอคงไม่ต้องเป็นแบบนี้”
หญิงสาวตบบ่าของชายหนุ่มเบาๆ”อย่าคิดมากน่า ทุกปัญหายอมมีทางออก ฉันไปล่ะ บาย”
ร่างบางโบกมือลาหนุ่มผมแดงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ร่างสูงเอ่ยด้วยความเป็นห่วง”ระวังตัวด้วย”
ร่างบางหันมายิ้มให้ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งไว้แต่เพียงชายหนุ่มที่มองเธอด้วยสายตาเป็นห่วง ระหว่างทาง
ซากุระมองมือขวาของตนพลางนึกถึงเมื่อครั้งที่เธอไปหาท่านผู้เฒ่าจิโกะ นักทำนายแห่งซึนะงาคุเระเพื่อขอให้ช่วยเธอ คำพูดที่ท่านย้ำบอกเธอไว้ว่า’ทุกสิ่งย่อมสามารถพลิกพลันได้เสมอ’
ลมเย็นๆได้พัดมาร่างบางตัดสินใจที่จะเดินไปป่าทางทิศเหนือของหมู่บ้าน สักพัก หญิงสาวรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไล่ตามเธอแต่เธอพยายามสงบใจให้ตัวเองเดินไปตามปกติ
…ใครน่ะ…
เมื่อเดินไปได้สักพักร่างบางจึงตัดสินใจแอบชักมีดคุไนที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นๆ”ไม่จำเป็นต้องซ่อนหรอกออกมาเถอะ”
ว่าแล้วเธอค่อยๆถอดหมวกแล้วดึงวิกผมทองออกผมสีชมพูหวานปะบ่าตกลงมาแทน แล้วเก็บของเข้ากระเป๋าสีน้ำตาลใบเล็กเธอถอดแว่นกันแดดสีชาอันโตออกแล้วใส่กระเป๋าสีน้ำตาลใบเล็กแล้วหันไปประจันหน้ากับผู้ที่แอบสะกดรอยตามเธอมา ผู้ที่สะกดรอยตามเธอมานั้นเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งคนหนึ่งเธอพอจำได้ว่าชื่อซุยเงสึหนึ่งในทีมเหยี่ยวของซาสึเกะกับหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้ง ซากุระเอ่ยเล่นพลางฉีกยิ้ม”แหม เราอุตสาห์ปลอมตัวเป็นแหม่มผมทองแล้วนะยังอุตสาห์แอบตามมาอีกนะ มีธุระอะไรกับฉันเหรอ”
 หญิงสาวผิวน้ำผึ้งชักดาบคาตานะออกมาพลางขู่”มากับเราซะดีๆแล้วจะไม่เจ็บตัว”
ชายหนุ่มผมสีฟ้าเอ่ยอย่างเป็นมิตร”มาเถอะพวกเราไม่ทำอะไรเธอหรอกนะ คนสวย บอกตรงๆเลยนะว่า ผมสีชมพูเนี่ยเข้ากับเธอมากกว่า”
“ขอบใจ แต่ฉันไม่มีความจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของพวกแกหรอกนะ”
จบคำ สาวผิวน้ำผึ้งเข้าจู่โจมทันที ซากุระทำเพียงแต่หลบการโจมตีนั้นอย่างสบายๆ”ถามอะไรหน่อยสิ ว่า…มีธุระอะไรกับฉัน เธอช่วยบอกฉันหน่อยสิ”
สาวผิวน้ำผึ้งอ้าปากเตรียมจะพูดแต่หนุ่มผมสีฟ้าเอ่ยขัดซะก่อนพลางชักดาบใหญ่เข้ามาจู่โจม ”เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”
ซากุระตัดสินใจรวบรวมจักระไว้ที่เท้าของตนแล้วกระทืบลงพื้นส่งผลทำให้พื้นดินแตกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้สาวผิวน้ำผึ้งต้องใช้ดาบของตนปัดป้องเศษหินที่แตกกระจายหากแต่หนุ่มผมสีฟ้านั้นยังคงพุ่งเข้าไปหาร่างบางของซากุระ ร่างบางกระโดดหลบออกทางด้านข้างทันก่อนจะกำหมัดต่อยที่ท้องของอีกฝ่ายหากแต่ว่าหมัดของเธอกลับทะลุร่างของชายหนุ่ม
…นินจาน้ำเหรอ…งั้นก็ต้อง…
ร่างบางรีบชักมือกลับพร้อมกระโดดถอยออกมาแล้วหยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าสีน้ำตาลใบเล็ก สิ่งนั้นเป็นเม็ดยาสีขาวขนาดเล็กใส่ปากตนแล้วกลืนลงคอไปแล้วประสานอิน
”ตัดสายฟ้า!”
มือขวาของหญิงสาวก็มีสายฟ้าสีขาวออกมาแล้วก่อตัวเป็นรูปนกนางแอ่นพุ่งเข้าใส่หนุ่มผมสีฟ้าทำเอาชายหนุ่มโดนสายฟ้านั้นเข้าจังๆทำให้ร่างของเขาทรุดลง ซุยเงสึพึมพำ”ยัยนี่ใช้คุณสมบัติสายฟ้าได้ด้วยเหรอ”
ซากุระเอามือกุมแขนขวาทันที”ชิ แย่จริง”
เธอตัดสินใจถอยออกไปตั้งหลักก่อนพร้อมใช้คาถาแพทย์รักษาแขนขวาไปพลาง ทางด้านซายะตอนนี้ตัดสินใจเก็บดาบเข้าฝักแล้วหยิบดาวกระจายออกมาสองอันแล้วปาออกไปทำให้ซากุระต้องกระโดดหลบหากแต่ดาวกระจายกลับตามเธออย่างไม่ลดละ
…ดาวกระจายติดเส้นลวดรึ…
ซากุระหยิบดาวกระจายปาสกัดไว้แล้วถอยออกมาเพื่อรักษาระยะห่าง ซุยเงสึพุ่งเข้ามาหมายจะจัดการ สาวผมสีชมพูอ่อน ร่างบางเตรียมยกแขนขึ้นมาป้องกันตัวฉับพลันโล่ทรายก็ปรากฏเป็นเกาะกำบัง เม็ดทรายจำนวนมากมายเข้าโอบล้อมร่างบางแล้วดึงตัวเธอออกมา
”กาอาระ”
ซากุระร้องเรียกอย่างยินดีตอนนี้เธออยู่ด้านหลังของคาเสะคาเงะหนุ่มแล้วร่างสูงอดไม่ได้ที่จะบ่นใส่”เธอเนี่ยจริงๆเลยไม่ระวังตัวเลยจริงๆ ชอบทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงอยู่เรื่อย”
”บ่นอยู่ได้”ร่างบางทำหน้ามุ่ย”เดี๋ยวก็แก่ไวหรอกนะ”
หนุ่มผมแดงสบถลงในลำคอ“หึ ก็เธอชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อยนิ”ว่าแล้วร่างสูงก็ประสานอิน”กระสุนทราย”
กระสุนทรายจำนวนมากพุ่งโจมตี ซุยเงสึและซายะทำเอาทั้งสองต้องหลบ ซายะเห็นท่าไม่ดีจึงหันมาหาซุยเงสึที่ตอนนี้เอาดาบใหญ่ขึ้นมาป้องกันกระสุนทราย ”ซุยเงสึฉันว่าตอนนี้เราถอยก่อนเถอะ”
“ก็ดี ไม่งั้นพวกโคโนฮะมันแห่มาอีกแน่”ว่าแล้วทั้งสองก็กระโดดหายตัวไปทันที
หลังจากที่สองสมาชิกทีมเหยี่ยวหายตัวไปแล้วนั้น กาอาระหันหน้ามาถามร่างบางที่อยู่ข้างหลัง ”บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“ถ้าบอกว่าไม่เจ็บฉันก็โกหกแล้วล่ะ”
“ตรงไหน”ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“แขนขวาน่ะเพราะใช้วิชาตัดสายฟ้าน่ะ ขนาดครูภัคลักจำนะเนี่ยแย่เลย”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างงุนงง”เธอใช้คุณสมบัติสายฟ้าได้ด้วยเหรอ”
หญิงสาวส่ายหน้า“เปล่า ฉันกินยาเสบียงศึกแปลงคุณสมบัติจักระน่ะ เลยใช้ได้แต่เล่นเอาแขนข้างนี้เกือบแย่เลยนะ”
“ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้าง”
“ตอนนี้ใช้วิชาแพทย์รักษาอาการค่อยดีขึ้นแล้วแต่ยังปวดหนึบๆอยู่เลยน่ะ ทายาหน่อยก็คงหายแล้ว”
ชายหนุ่มจับข้อมมือข้างที่ไม่เจ็บของหญิงสาวและพูดขึ้น”ไปบอกท่านโฮคาเงะรุ่น5เถอะ พวกเหยี่ยวเข้ามาทำร้ายเธอถึงในหมู่บ้านอย่างนี้”
”อย่าเลย ฉันไม่อยากให้อาจารย์เครียด ท่านมีเรื่องให้หนักสมองพอแล้ว”
หากแต่ชายหนุ่มไม่ฟังกลับรวบตัวร่างบางขึ้นบ่าแล้วบ่นอุบ”หนักชะมัด หัดไดเอ็ดบางสิ” 
หญิงสาวฉุนกึกพลางดิ้น“โทดนะที่ฉันตัวหนักปล่อยฉันลงนะ ปล่อยๆ”
“หยุดดิ้นได้ไหม ถ้าเธอยอมไปรายงานเรื่องนี้กับโฮคาเงะรุ่น5ดีๆฉันจะปล่อยไม่งั้นฉันพาไปทั้งยังงี้ไม่รู้ด้วย"
เมื่อเจอไม้นี่เธอก็จำยอมก่อนจะพ่นลมหายอย่างหน่ายๆกาอาระยอมปล่อยเธอลง
"รอแป๊ป"ซากุระหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดลิปสติกออก"ไปกันได้แล้ว"
 ห้องทำงานของโฮคาเงะ
ตอนนี้ซึนาเดะกำลังนั่งจิบสุราอย่างสบายใจไม่มีใครมากวนโดยเฉพาะคนสนิทอย่างชิสึเนะ
'ก๊อกๆ'เสียงเคาะประตูดังขึ้น ความสุขในการจิบสุราหมดลงในทันใด
โฮคาเงะรุ่นห้าถามเสียงขุ่นๆ"ใคร"
"หนูเองค่ะ ซากุระ"
"เข้ามา"
เมื่อผู้เป็นอาจารย์อนุญาติแล้วทั้งซากุระและกาอาระก็เดินเข้ามา กาอาระเล่าเรื่องที่ซากุระโดนพวกเหยี่ยวลอบทำร้ายทำเอาซึนาเดะสร่างเมาทันทีก่อนจะเอามือกุมขมับคิดอย่างหนักใจ ซากุระเองก็หนักใจเช่นกันจะว่ากาอาระก็ไม่ได้เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายหวังดีกับตนและแล้วความคิดบางอย่าง"อาจารย์หนูมีความคิดดีๆค่ะ"
"อะไรรึ ซากุระ"ซึนาเดะเงยหน้ามาถาม
ซากุระตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ"หนูกับป้าไปอยู่แคว้นยูกิสักพัก"
กาอาระแย้งทันที"ไม่ได้นะ!ขนาดอยู่ในหมู่บ้านพวกมันยังกล้าทำร้ายเธอแล้วถ้าถ้าไปแคว้นยูกิไม่แย่กว่าเดิมเหรอ"
ร่างบางส่ายหน้า"ฟังให้จบก่อนสิ ฉันกะจะชวนคนอื่นๆไปด้วย ไปกันเยอะๆพวกนั้นคงทำอะไนบุ่มบ่ามหรอก"
ผู้เป็นอาจารย์พยักหน้าเห็นด้วยหากแต่คาเสะคาเงะหนุ่มกลับรู้สึกกังวล
ซึนาเดะตัดบท"เอาล่ะๆความคิดนี่ก็ไม่เลว ไปสิ อ้อ แล้วอย่าลืมของฝากล่ะขอเป็นสาเกนะ"
"ค่า อาจารย์"ลูกศิษย์สาวรับคำก่อนจะโค้งเคารพแล้วเดินออกไป เหลือแต่คาเงะทั้งสอง
กาอาระถามเสียงขุ่น"แบบนี้จะดีเหรอครับ"
"ดีสิ ป้าของเด็กคนนั้นเป็นถึงอดีตยอดมือสังหารของหมู่บ้านเราเลยนะ และยิ่งไปเยอะๆก็ยิ่งดี ถ้าเธอเป็นห่วงเค้าก็ตามไปด้วยสิถือซะว่าเปลี่ยนบรรยากาศบ้างที่แคว้นยูกิน่ะหนาวมากพอดูเลย"ว่าแล้วซึนาเดะก็จิบสุราต่อ
"ครับ งั้นผมขอตัว"ผู้อ่อนวัยกว่าโค้งเคารพก่อนจะเดินออกไป
ทางด้านซากุระ
ตอนนี้กำลังเดินกลับบ้านพลางกดโทรศัพท์ส่งข้อความชวนเพื่อนๆของตน "รอก่อนสิซากุระ"เสียงของกาอาระดังมาแต่ไกล
"อ๊ะ!กาอาระมีอะไรเหรอ"เธอละจากโทรศัพท์หันมาถามชายหนุ่มที่เดินตามหลังตน
ชายหนุ่มถาม"คือ..ไปแคว้นยูกิน่ะ..ชะ..ชั้นขอไปด้วยได้ไหม"
ซากุระถาม"งานที่ซึนะล่ะ"
"ฝากคันคุโร่ก็ได้ ฉันเองก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างน่ะนะ"ชายหนุ่มยิ้มตอบ
หญิงสาวยิ้มรับ"ได้สิ ว่าจะชวนคุณเทมาริไปด้วย ไปกันเยอะๆสนุกดี"
"เธอจะไปไหนต่อเหรอ"กาอาระถาม
"กลับบ้านน่ะกะไปบอกป้าแล้วเตรียมของด้วย"พูดจบเธอก็พิมพ์ข้อความต่อ
ชายหนุ่มอาสา"งั้นฉันไปส่ง"
หญิงสาวไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเพียงเเต่เดินต่อไปโดยมีชายหนุ่มผมแดงเดินข้างๆ
...
ทางด้านกลุ่มเหยี่ยว
ซุยเงสึกับซายะกลับมารายงานความล้มเหลวให้ซาสึเกะ โทบิบ่น"พวกเธอทำพลาดแล้วล่ะแบบนี้โอกาสที่จะจับตัวเด็กนั่นน่ะยากขึ้น"
ซุยเงสึพูดขึ้น"แต่ฉันไม่ยักรู้ว่ายัยนั่นจะใช้คุณสมบัติจักระสายฟ้าได้"
ซายะเสริม"นั่นสิ ใช้ได้เก่งเลยถึงกับสามารถเปลี่ยนเป็นรูปร่างได้อิสระแบบนั้นแต่ยัยนั่นเองก็มีอาการบาดเจ็บที่แขนข้างที่ใช้ตัดสายฟ้า"
ซาสึเกะเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถาม"เป็นไปไม่ได้หรอก ซากุระเป็นพวกที่ถนัดคาถาภาพลวงตามากกว่า ไม่น่าจะใช้คุณสมบัติสายฟ้าได้"
โทบิพูดขึ้น"น่าจะเป็นยาเปลี่ยนคุณสมบัติจักระล่ะมั๊ง มันไม่ใช่ยาที่จะทำกันได้ง่ายๆเลยแม้แต่โฮคาเงะรุ่นห้า แค่วิธีทำก็ยากมาก แต่ก็ให้ผลดีพอสมควรเลยทีเดียว แต่พวกเธอก็น่าจะจับเด็กนั่นมาได้นะ"
ซายะบ่น"ก็มีคาเสะคาเงะมาช่วยด้วยนี่นา ถ้าขืนพวกเราสู้ต่อมีหวังพวกโคโนฮะมันแห่มาแน่"
โทบิบ่นใส่"อย่างน้อยก็น่าจะจัดการจับมาตอนที่ยังไม่ใครมาช่วย"
ซุยเงสึพูดบ้าง"หึ!แค่ลำพังยัยนั่นก็ร้ายเอาเรื่องเผลอๆถ้าสู้ต่อพวกเราเนี่ยแหละจะแย่"
คารินเยาะเย้ย"พวกแกอ่อนเองมากกว่าล่ะมั๊ง"
ซายะสวนกลับ"ถ้าเก่งจริงลองสู้กับฉันให้ชนะก่อนเถอะ ยัยปลิงแดง"
คารินตวาตกลับ"แกอยากหาเรื่องเหรอ"
ซายะเอาดาบคาตานะของตนฟาดหน้าคารินทันที ทำให้สาวผมแดงกระเด็นไปตามแรงฟาด
คารินลุกขึ้นเพื่อจะโต้คืนหากแต่"หยุดแค่นี่แหละ ทั้งคู่เลย"โทบิตวาดทำเอาสองสาวต้องหยุดทันทีซาสึเกะหันมาตำหนิคาริน"เธอน่ะ หัดเก็บลิ้นไว้บ้างคงไม่ตายหรอกนะ ที่สำคัญตอนนี้เราต้องหาทางเอาตัวยัยนั่นมาให้ได้"
คารินสบถทันทีในขณะที่ซายะยิ้มอย่างมีชัย
โทบิพูดขึ้น"ตอนนี้เราคงทำได้แต่เพียงจับตาการเคลื่อนไหวของเด็กคนนั้นไปก่อนก็แล้วกัน"
ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
...