วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562

พันธสัญญาสีดำ ตอนที่ 2 อันตรายที่จ่อหลัง

ทางด้านซากุระ
เด็กสาวหลังจากกลับมาบ้านเอาแต่นอนครุ่นคิดอยู่บนเตียงนุ่มสีเขียวอ่อนและพึมพำเบาๆ
…อะไรน่ะ ไวท์จะดื่มตัวเองได้ยังไงเป็นไปไม่ได้...ประโยคนี้น่าจะเอามาจากหนังสือนิยายแฟนตาซี พ่อเราชอบอ่านหนังสือปะเภทนี้ด้วยน่ะรึ 
เธอรู้แต่ว่า ฉลาด เค้าเก่ง เค้าคือผู้เสียสละ ยอมสละชีวิตเพื่อคนที่อื่น เธอรู้แค่นั้น
แต่ในระหว่างคิดก็ถูกเรียกโดยป้าของเธอ
”ซากุระ มาทำกับข้าวให้ป้าหน่อย”
” ค่า จะลงไปเดี๋ยวนี้”
เธอกระเด้งตัวขึ้น”เอาเถอะค่อยๆคิดก็แล้วกัน”
...
เด็กสาวไม่รอช้ารีบลงมาที่ครัวทันที พฤติกรรมการทำครัวของเด็กสาวนั้นได้อยู่ในสายตาของชายหนุ่มผมดำนาม ซาสึเกะหมด
ทางด้านซาสึเกะ เค้าแอบมาดูเธอที่นี่ ถึงจะต้องรักษาระยะห่างเพราะมีหน่วยลับเพ่นพ่านอยู่ทั่วก็เถอะ
ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยพลางคิด
..เป็นแม่ศรีเรือนจริงๆที่รักของฉัน..
เขานั่งนั่งมองหญิงสาวผู้เป็นที่รักของเขาจากบนต้นพลับห่างจากบ้านของเด็กสาวพอสมควร ชายหนุ่มกำลังจินตนาการว่าเธอกำลังนำข้าวปั้นมาป้อนเขาถึงปากของเขา เมื่อก่อนเขาแอบฝันมาตลอดว่าจะมีชีวิตที่สงบอยู่ด้วยกันกับเธอ มีแค่เธอกับเค้าและลูกๆของเค้า 
แต่แล้วความคิดของเขาก็ถูกขัดขึ้น
”ซากุระกับข้าวเสร็จรึยัง”
”ค่า วันนี้มีข้าวปั้นสมุนไพรและของหวานก็เป็นลูกแพรหวานค่ะ”
ซาสึเกะนั่งดูอยู่นานจนใกล้ค่ำ
…แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่นะที่รัก…
ชายหนุ่มหายตัวไปราวอากาศธาตุ
ทางด้านซากุระ
…ทำไมรู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองเราตั้งแต่ทำกับข้าวแล้วนะ คงคิดไปเองมั้ง…
”เป็นอะไรรึเปล่า”
”เปล่าค่ะ เอ่อ ป้าค่ะ หนูถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่ามาสิ”
“พ่อของหนูเขาเป็นคนยังไงเหรอค่ะ”
ฮารุยทำสีหน้าปั้นยาก
ซากุระหุบยิ้ม"ถ้าไม่สบายใจป้าก็..."
ฮารุยยิ้มหวาน เธอควรจะบอกเล่าให้หลานฟังตั้งนานแล้ว”ก็...จะพูดยังไงดีล่ะ เขาเป็นคนเก่งที่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนที่ตัวเองชอบล่ะนะ”
“จริงเหรอคะ”เด็กสาวรู้สึกตื่นเต้นไม่นึกว่าพ่อตัวเองนั้นจะเป็นคนยังงี้
”ใช่แล้วล่ะซากุระ”
”โห งั้นพ่อคงเนื้อหอมและเก่งมากเลยล่ะ”ก็พ่อของเธออกจะหล่อเหลาปานเทพบุตรแบบนั้นนี่นา
”นั่นก็จริงนะ ป้าจะเล่าให้ฟังล่ะกันนะ…เมื่อก่อนน่ะพ่อเราเขาเป็นเด็กฉลาดมากเลยแหละเป็นที่ชื่นชอบของคุณครูและเพื่อนๆในวัยเดียวกัน แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไรเหรอคะ”
“ก็เป็นที่น่าหมั่นไส้ของพวกนินจารุ่นพี่เลยทีเดียวล่ะ มีครั้งหนึ่งที่ท่านรุ่นสามออกมาเห็นเลยชมใหญ่เลยแหละตอนนั้นท่านพูดว่า’โตแค่ห้าขวบแต่เก่งมากกว่าเกะนินซะอีก’พวกเกะนินพวกที่หมั่นไส้พ่อเราก็รุมทำร้าย ดีที่ป้ากับเพื่อนไปช่วยได้ทันตอนนั้นสะบัดสะบอมเอาเรื่องแต่ไม่สาหัสอะไรแค่ฟกช้ำดำเขียวและแขนขวาเดาะ แต่นั้นก็ทำให้แค้นอาฆาตพวกนั้นมากเลยล่ะ”
”เหรอคะแล้วพ่อเขาล้างแค้นพวกนั้นรึเปล่าคะ”
“ก็โอกาสเริ่มอำนวยสามปีต่อมา ท่านรุ่นสามอยากให้พ่อเราสอบจูนินตอนนั้นปู่กับย่าเราค้านหัวชนฝาเลยล่ะ แต่ก็จำยอมเลยเพราะท่านรุ่นสามขอทั้งที่เพราะอยากเห็นฝีมือ ตอนนั้นเขาก็เจอกับอุจิวะ โซระตอนนั้นยัยนั้นอายุห่างกับพ่อเราตั้งห้าปีแต่เราดันชอบเอามากๆเลยล่ะเพราะได้อยู่ทีมเดียวกัน หลังจากนั้นพอผ่านข้อสอบข้อเขียนและด้านป่ามรณะกว่าจะออกจากป่าชิงคัมภีร์ได้ตั้งสามวัน รอบสามเป็นคัดเลือกไปรอบชิงโดยการต่อสู้ตอนนั้นพ่อเราถูกจับคู่กับ1ใน2เกะนินที่เคยแกล้งเขา”
”ผลเป็นอย่างไงเหรอค่ะป้า”
”รายนั้นโดนพ่อเราอัดซะน่วมปางตายดีนะที่กรรมการห้ามไว้ไม่งั้นเจ้านั่นได้ช้ำในตายแน่เรียกได้ว่าทบต้นทบดอกชำระหนีแค้นครบเซ็ตเลย”
ฮารุยนึกย้อนไปสี่สิบปีก่อนตอนเป็นจูนินแล้วแอบมาดูน้องชายแข่งเข้ารอบชิงในตอนนั้นเป็นแบบตัวต่อตัวการต่อสู้ในตอนนั้นน้องชายของเธอเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะตัวเล็กกว่าเพราะสูงแค่145เอง
’ตุ้บ!!/แค่กๆ’
ร่างเล็กของฮารูชิถูกคู่ต่อสู้เตะกระเด็นจนร่างเล็กกระแทกกับกำแพงสนามแข่งจนกระอักเลือดออกมา
’ไง ไอ้เด็กอ่อนเด่นนักนะแก’
คู่ต่อสู้หยิบมีดคุไนหมายจะจัดการเด็กชายตรงหน้า ภาพนั้นทำให้ฮารุยแทบอยากจะปิดตาแต่ก็ภาวนาขอให้น้องชายพลิกสถานการณ์ได้
’ชิ้ง!/เคร้ง!’
มีดคุไนถูกดาบยาวคู่ที่ยังไม่ถอดออกจากฝักดาบของน้องชายที่หยิบออกมาจากคัมภีร์นินจา ปัดออก ’ตาผมล่ะครับ’ ฮารุชิพูดพลางเหยียดยิ้มชวนเสียวสันหลังจนฮารุยรู้สึกได้ เด็กหนุ่มวัยแปดปีออกตัวหมายจะฟันคู่ต่อสู้ตรงหน้าทำให้คู่ต่อสู้นั้นตกใจตั้งรับไม่ทันเลยโดนดาบคู่ตีหน้าเต็มแรงก่อนจะกระหน่ำด้วยการฟาดหลังซ้ำตีซ้ำอีกหลายทีแล้วตบท้ายด้วยฮารุชิกระโดดยืนบนหลังอีกฝ่ายเต็มแรงจนกระอักเลือดขอยอมแพ้
’แค่กๆหยุดเถอะยอมแพ้แล้ว หยุดเถอะ ขอร้องล่ะ’
ทว่าสายตาของฮารุชินั่นมีแต่ความเย็นชา
’สายไปแล้วล่ะครับ ทีรุ่นพี่รุมรังแกเด็กห้าขวบ สองรุมหนึ่งแถมอีกฝ่ายอายุน้อยกว่าตั้งห้าปีซะด้วย /ตุ้บ/อ้ากกกกกกก’ฮารุชิกระทืบเท้าขวาลงบนหลังอีกฝ่ายเต็มแรง
’ทีงี้มาขอความเมตตามันน่าซ้ำให้ตาย’
’นี่เธอหยุดได้แล้ว’
กรรมการคุมแข่งรีบมาหยุดการแข่งก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายแรง
’ผู้ชนะ ฮารุโนะ ฮารุชิ’
”ป้าคะ ป้าเล่าต่อสิคะ” เสียงหลานสาวได้เรียกสติฮารุยทำให้เธอหลุดจากภวังค์
ฮารุยจึงตัดบท“อ่ะจ้ะไว้เล่าพรุ่งนี้ล่ะกัน ป้าง่วง”
”เหรองั้นคะ หนูอยากรู้จัง ว่าพ่อเขามีหนังสือที่ชอบอ่านบ้างรึเปล่าคะ”
”อ้อ มีนะอยู่ในห้องพ่อเขาน่ะ อยู่ใต้หมอนป้าไม่ได้เอาออกเล่มนั้นพ่อแก รักมาก”
”ค่ะ ป้าไปนอนเถอะ”
”ป้านอนล่ะ”
พอผู้เป็นป้าขึ้นห้องไปนอนแล้วเด็กสาวล้างจานก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องของ พ่อ ภายในห้องนั้นสะอาดเป็นระเบียบเพราะป้ามักจะมาทำความสะอาดเป็นประจำแต่ทุกสิ่งในห้องนี้ยังเหมือนเดิม เธอไม่เคยเข้ามาหรอก ห้องนี้ก็ไม่ต่างจากห้องที่ปิดตาย ไม่เคยเปิดให้ใครใช้
เธอมานั่งที่โต๊ะเครื่อแป้งในห้อง
ถ้าเธอมีผมสีดำ และเป็นผู้ชายล่ะก็ เธอคงจะเหมือนพ่อไม่หยอกแน่ๆ หรือไม่หากเธอมีน้องชาย น้องชายต้องหน้าเหมือนพ่ออีกคนแน่
 ร่างบางมองตรงไปที่เตียงสีขาว ในห้อง ที่เคยเป็นที่นอนของพ่อกับแม่ด้วยแววตาเศร้าสลดตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเจอพ่อกับแม่เลยเคยเห็นแต่ในรูปเท่านั้น
เธอล้มตัวนอนบนเตียงพลางลูบบนเตียงอย่างคิดถึง หากเธอมีพ่อแม่ ชีวิตคงจะมีความสุขกว่านี้สินะ มือเรียวสวย ล้วงเข้าใต้หมอนก็พบหนังสือที่เธอค้นหามันเป็นหนังสือเล่มไม่หนามากแต่ก็ได้รับการรักษาอย่างดีปกหนาสีดำลายอักขระสีขาวหน้าปกมีรูปยูนิคอร์น
‘ยูนิคอร์นตัวสุดท้าย’
เด็กสาวไม่รอช้าเปิดหน้าคำนำของหนังสือ
’กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในยุคตอนที่ยูนิคอร์นได้หายสาบสูญไปจากโลก โดยไร้สาเหตุ แต่ยังโชคดีที่ยังมียูนิคอร์นเหลืออยู่บนโลกที่ใครๆก็ขนานนามมันว่า ยูนิคอร์นตัวสุดท้าย ที่ต่อมาได้เป็นการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่’
”อืม ก็ไม่เลวแฮะ”
เด็กสาวเริ่มอ่านต่อในบทนำ
’ในป่าแห่งหนึ่งที่เงียบสงบ เสียงฝีเท้าม้าสองตัวได้วิ่งผ่านโดยมีสุนัขล่าเนื้อนำทาง พรานสองพ่อลูกนั่งม้ามา พรานผู้เป็นพ่อเริ่มเปรยกลับลูกชาย
…ข้าไม่ชอบบรรยายกาศแบบนี้เลย ในป่าแถบนี้มียูนิคอร์นอาศัยอยู่ทำให้พวกสัตว์ป่านั้นมีเวทย์มนต์ส่วนมากจะใช้เพื่อพรางตัว…
ลูกชายนึกสงสัยจึงหันมาถามพ่อ
…ยูนิคอร์นเหรอ มันมีจริงเหรอ ข้าคิดว่ามันมีแต่ในนิทานซะอีกข้าว่าป่าแห่งนี้ก็เหมือนกับที่อื่นๆน่ะน่า…
ผู้เป็นพ่อจึงย้อนถาม…งั้นทำไมถึงไม่มีฤดูร้อนหรือหิมะตกที่นี้เลยล่ะฮะ ข้าอยากจะบอกให้เจ้าไว้นะ ตราบใดที่ป่าแถบนี้ยังมียูนิคอร์นปกป้องอยู่ เราจะไม่มีเกมส์อะไรให้ล่าอีกเลย…
ลูกชายเริ่มเชื่อจึงพูดตัดบททันที…กลับกันเถอะไปล่าที่อื่นดีกว่า…
ผู้เป็นพ่อเห็นด้วยจึงตกลงก่อนที่ทั้งคู่จะควบม้ากลับผู้เป็นพ่อหันมาเอ่ย
…อยู่ตรงนั้นแหละ เจ้าตัวประหลาด ซ่อนตัวซะก่อนจะถูกจับ โลกนี้ ไม่มีที่สำหรับเจ้าแล้ว อยู่ปกป้องพวกพ้องซะ ขอให้โชคดีนะเจ้าตัวสุดท้าย…
ว่าแล้วพรานสองพ่อลูกก็ควบม้าจากไป แต่มีบางสิ่งที่จ้องมองพรานสองพ่อลูกจนลับสายตาร่างนั้นค่อยๆก้าวออกมาจากป่าทึบเป็นร่างของม้าสีขาว บริสุทธิ์ ท่าทางสง่างามมีเขาสีเงินที่หมุนเป็นเกลียวอยู่กลางหน้าผากดวงตาสีน้ำเงินกลมโตคู่สวยของยูนิคอร์น สลดลงพลางรำพันกับตัวเอง
…ข้าคือยูนิคอร์นตัวเดียวที่นี้ ตัวสุดท้ายเหรอ แล้วตัวอื่นๆล่ะอยู่ที่ไหนล่ะ หรือว่าอาจจะถูกฆ่า เป็นไปไม่ได้พวกเราเป็นอมตะยืนยงดุจท้องฟ้าและพระจันทร์ ทำไมล่ะ ทำไม…
ลมเย็นๆได้พัดมา ขนสีขาวบริสุทธิ์ของยูนิคอรน์สาวได้พลิ้วไสวไปตามลม
ยูนิคอร์นสาวเหม่อมองออกไปบนท้องนภายามราตรีที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ พลางคิด
…ข้าไม่ควรออกป่าเลย แต่ข้าก็อยากรู้ว่าข้าไม่ใช่ ยูนิคอร์นตัวสุดท้าย ข้าอยากรู้ว่าพวกพ้องของข้าอยู่ที่ใด ทำไมสวรรค์ถึงกลั่นแกล้งข้า ทำไมข้าถึงไม่เจอตัวอื่นๆเลยล่ะ…
ตาสีมรกตอ่านต่อไปเรื่อยๆ ที่เธออ่านนั้นเป็นคำรำพึงรำพันของเจ้ายูนิคอร์นตัวสุดท้าย ที่รำพันถึงความเหงา ความเศร้าต่่อสรรพสิ่งในธรรมชาติ ทั้งสายลม สายน้ำ ทุ่งหญ้า ผืนป่า...
”ปึก!!”
เด็กสาวปิดหนังสือทันทีเพราะว่าเริ่มรู้สึกง่วงมาก ซากุระอ่านหนังสือนานพอดูเลยหยิบนาฬิกาในกระเป๋ามาดูเวลา
”ห้าทุ่มแล้วแฮะ นอนดีกว่า”
เด็กสาวเก็บหนังสือไว้ที่เดิมแล้วออกจากห้องไปห้องนอนของตน
...
ทางด้านกลุ่มเหยี่ยว
หลังจากที่ซาสึเกะแอบดูซากุระแล้วเขาก็กลับมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่โทบิได้อธิบายเรื่องที่ซาสึเกะไปสูดอากาศ
”ซาสึเกะ/ท่าน ซาสึเกะค่า”
คารินและซายะต่างตะโกนเรียกแล้ววิ่งไปกอดแขนซ้ายขวาแต่ก็โดนซาสึเกะสะบัดออกอย่างไม่ใยดีทำให้ทั้งคู่ล้มก้นจ้ำเบ้า
”เจ็บจัง คารินเจ็บนะคะท่านซาสึเกะ”
ซายะไม่อ้อนเพราะไม่อยากเจ็บตัว(กลัวซาสึเกะ)
”ฉันจะพักมีอะไรค่อยรายงานพรุ่งนี้”
ว่าแล้วซาสึเกะก็ล้มตัวนอนพิงต้นไม้โดยไม่สนใจใคร ซุยเงสึบ่นใส่
”นี่กะไม่ฟังรายงานเลยรึไงวะ”โทบิพูดขึ้น
”บอกฉันก็ได้”
ซายะจึงรายงาน”ดูเหมือนว่ายัยนี่จะลาพักจากงานนะก็น่าจะประมาณเดือนหนึ่งแต่ดูจากประวัติแล้วยัยนี่ไม่เคยลาพักนานขนาดนี้เลยฉันว่ามันน่าสงสัย”
โทบิจึงถาม”สงสัยรึ”
”ใช่ คนที่เป็นนินจาแพทย์น่ะไม่น่าจะได้หยุดยาวขนาดนี้เลย ยัยนี่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นโรคอะไรเลยด้วยแต่รุ่น5ก็ให้ยัยนี่ลาหยุดยาวอีก ถึงจะเป็นคนสนิทอย่างไงก็ไม่น่าจะให้หยุดยาวขนาดนี้ มันน่าสงสัย”
ซาสึเกะขมวดคิ้วคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้น
”เอางี้ พรุ่งนี้พวกเราจะคอยพลัดกันจับตาดูยัยนั่น ถ้ามีอะไรผิดสังเกตให้มารายงานที่ฉัน”
”ตกลง/รับทราบค่า/โอเค”
”งั้นทุกคนพักผ่อนก่อนเถอะ”
โทบิสรุป ทั้งหมดต่างหามุมพักผ่อนโดยที่ซาสึเกะได้แยกไปนอนอีกที่เพราะไม่อยากให้คารินและซายะมารบกวนตอนหลับ
...
รุ่งเช้า ณ บ้านของซากุระ
ร่างบางของเด็กสาวผมสีซากุระนอนอยู่บนเตียงนุ่มอย่างสบายใจโดยไม่นานเสียงของนกน้อยที่ส่งเสียงแข่งกันนั้นทำให้เธอตื่นขึ้น ร่างบางบิดขี้เกียจไปมาสองสามที
”ซากุระ กินข้าวได้แล้วลูก”
เด็กสาวขานรับ
”ค่า”
ซากุระเดินเข้าไปแปรงฟันล้างหน้า มือบางเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูสีขาวมาซับใบหน้าพลางส่องกระจก
”…สัญญา…”เสียงแห้บทุ้มของชายชราดังขึ้น
”อ๊ะ”
เสียงปริศนาทำให้เด็กสาวตกใจหันหลังไปมอง ก็ไม่พบอะไรจึงตัดสินใจลงไปทานข้าวเช้า
“อ้าวซากุระนอนไม่พอรึไงนะหน้าซีดเชียว”
เด็กสาวส่ายหน้า
”ไม่มีอะไรค่ะ อ้อ หนูอิ่มแล้วเดี๋ยวหนูขอตัวไปอ่านหนังสือก่อนนะ”
ฮารุยอดไม่ได้ที่แซว
”ฮั่นแน่ ชอบอ่านหนังสือของท่านปู่ด้วยเหรอ เล่มนั้นน่ะเป็นของที่ท่านปู่มอบให้พ่อเราเชียวนะรักษาดีๆล่ะ ป้าไปจ่ายตลาดก่อนนะ”
”ค่ะ”
ซากุระรีบวิ่งขึ้นมาบนห้องนอนของพ่อกับแม่แล้วหยิบหนังสือมาอ่านอีกครั้งเธอไล่หน้ากระดาษไปจนกระทั่งเธอเจอหน้าที่เธออ่านค้างไว้
....
…ยูนิคอร์นสาวนอนทบทวนความคิดของตนอยู่เนินนานจนกระทั่งมันได้ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดแล้วว่าจะออกตามหาพวกพ้องของตน ทางออกจากป่าเหล่าสัตว์ทั้งหลายได้มารออยู่เพื่อห้ามไม่ให้ยูนิคอร์นสาวจากไป แต่ว่ามิอาจห้ามการตัดสินใจของยูนิคอร์นสาวได้ ยูนิคอร์นสาวตัดสินใจเด็ดขาดจึงเร่งฝีเท้าออกจากป่าทันที
…ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด…
วันเวลาผ่านไป
หลายวัน เจ้ายูนิคอร์นสาวก้ยังหาเบาะแสของพวกพ้องตนไม่เลย มันรู้สึกเหนื่อยล้าเมื่อเห็นต้นไม้ใหญ่อยู่ไม่ไกลด้วยความเหหนื่อล้าเจ้ายูนิคอร์นสาวจึงล้มตัวนอนใต้ต้นไม้ใหญ่ด้วยความอ่อนล้า
“ปึก!”
ซากุระตัดสินใจปิดหนังสือเล่มหนาทันที ก่อนจะบ่น
”เยอะจังเลย - 3 – สามวันจะอ่านหมดไหมนะ”
เด็กสาวคิดในใจ
…ไม่นึกเลยว่าพ่อเรานี่ชอบอ่านหนังสือแบบนี้ด้วยแฮะ…
”ออกไปเดินเล่นดีกว่าร่างบางลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเก็บหนังสือเข้าที่เดิม เธอกลับที่ห้องแล้วหวีผมให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้านโดยไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าตังค์ของตนมาด้วย(ไม่งั้นเดี๋ยวไม่มีตังค์กินขนม อิ อิ:ซากุระ)
ซากุระตัดสินใจไปที่ห้องพักที่หอพักนินจาแพทย์ความจริงเธอเองก็มีบ้านอยู่แต่เพราะว่าบางครั้งตัวเธอมีงานรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลบางครั้งก็ถูกเรียกตัวมากลางดึกทำให้ต้องมาเช่าหอพักใกล้โรงพยาบาลเพื่อความสะดวกโดยวันหยุดเธอก็จะกลับไปอยู่กับป้า
ระหว่างทางที่เด็กสาวผมสีชมพูอ่อนกำลังเดินทางไปนั้น
“ซากุระจางงง!!!!”
เสียงเรียกนั้นทำเอาซากุระต้องหันไปมองด้วยสายตาหน่ายๆก่อนจะเท้าสะเอวถาม
”มี’ไรยะ นารุโตะ”
เด็กหนุ่มผมทองผิวแทนตาสีฟ้ามีขีดสามขีดที่แก้มทั้งสองข้างบิดตัวอย่างเอียงอาย
”คือว่า ฉันอยากเดตกับฮินาตะน่ะนะแต่ว่าโดนเนจิขว้างน่ะ เพราะงั้นเธอช่วยฉันหน่อยนะ”
ตบท้ายด้วยการที่นารูโตะทำหน้าอ้อนสุดฤทธิ์ร่างบางพ่นลมหายใจอย่างเซ็ง
”เก็บลูกไม้นี่ไว้ใช้กับฮินาตะเถอะย่ะ ช่วยก็ได้ย่ะ”
“จริงเหรอๆๆ”
รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนดวงหน้างามทำเอานารูโตะเสียงสันหลังวูบๆเพราะรู้ว่าเพื่อนสาวของตนไม่เคยทำอะไรแล้วไม่หวังผลตอบแทนเลยสักครั้ง เด็กหนุ่มกลืมน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างลำบาก
”นายจ่ายชั้นมาพันเรียวเดี๋ยวฉันจะช่วยจัดการเนจิเอง”
จบคำของเด็กสาว หน้าของเด็กหนุ่มผมทองซีดลงแล้วเหงื่อตกพลางก้มลงดูที่กระเป่าตังค์ของตน
…ตายล่ะหว่า…คราวนี้ได้กินแกรบแน่…
ซากุระเห็นกิริยาแบบนั้นก็อดขำไม่ได้
”ฮิๆฮิๆนายคิดจะเดตทั้งๆที่ตัวเองบ่อจี๊เนี่ยนะ คุๆคุๆ”
หน้านารูโตะตอนนี้จ๋อยอยู่แล้วก็ยิ่งจ๋อยเข้าไปอีก ซากุระเห็นอย่างนั้นจึงเข้าปลอบ
”โถ่ อย่างทำหน้าเป็นตูดหมาสิ ฮึ! ฉันไปล่ะ ฉันกะจะไปทำความสะอาดห้องพักซะหน่อย”
พอร่างบางหันกลับไปยังจุดหมายแต่นารูโตะก็เดินมาขว้างทาง
”ซากุระจังช่วยฉันหน่อยเถอะนะๆ”
ซากุระเบี่ยงหลบพร้อมหันหน้ามาขู่
”ฉันไม่ใช่พวกที่มีเวลาว่างมากนักนะ”
ซากุระนึกย้อนไปเมื่อสมัยก่อนนารูโตะมักจะตื้อเธอให้ไปเดตด้วยจนสุดท้ายเธอต้องปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมเตือนสติให้นารูโตะหันไปมองฮินาตะบ้างเพราะว่าเธอรู้ดีว่าฮินาตะนั้นหลงรัก นารูโตะมานานแล้วอีกอย่างตัวเธอนั้นยังไม่อยากรักใครด้วยเพราะเธอรู้ตัวดีว่าเธอคงอยู่ได้ไม่นาน ร่างบางเหม่อมองไปยังท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งสายลมได้พัดมาเบาๆทำให้ผมสีชมพูปะบ่าพริ้วไหวไปตามแรงลมรอยยิ้งบางๆผุดขึ้นบนดวงหน้าหวาน
…ฉันจะเป็นแพทย์ที่เก่งได้สักครึ่งหนึ่งของพ่อบ้างไหมนะ…
พอซากุระไปยังห้องพักเธอก็เริ่มทำความสะอาดห้องทันที
...
ผ่านไปชั่วโมงกว่า
ร่างบางยกมือปาดเหงื่อ ก่อนจะมองห้องพักของตนที่ตอนนี้ถูกจัดเป็นระเบียบและสะอาดแล้ว
“เฮ้อหิวแล้วไปกินราเม็งดีกว่า”
จู่ๆก็มีข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือของเธอ
‘คุณซากุระค่ะ ช่วยออกมาเจอฉันที่ร้านอาหารอิตาลีที่ย่านการค้าโคโนฮะ ตอนบ่ายโมงครึ่งหน่อยค่ะ เจอกันตรงที่นั่งหลังสุด’
ร่างบางกระตุกยิ้มนิดๆ
…งานนี้คงต้องปลอมตัวกันหน่อย…
ย่านการค้าของโคโนฮะ
สายตาทุกคู่ได้มองมาที่เด็กสาวผมลอนสลวยสีทองตัดสั้นปะบ่าเธอสวมหมวกทรงเค้กสีทราย สวมแว่นกันแดดแฟชั่นสีหวานขอบขาวอันโตมันปิดใบหน้าของเธอเกือบครึ่ง และสวมชุดเดรสสายเดี่ยวสีกุหลาบ และสวมแจ๊คเก็ตหนังสีน้ำตาลทับอักที คู่กับรองเท้าบู๊ทสีดำ มีกระเป๋าสะพายใบเล็กๆสีน้ำตาลสะพาย ริมฝีปากนั้นเคลือบลิปสติกสีแดงสดตัดกับผิวขาวๆทำให้เธอดูเป็นสาวเปรี้ยวน่ารัก
เธอตรงไปยังร้านอาหารอิตาลี ก่อนจะเลือกนั่งตรงที่หลังสุดและหยิบเมนูมาสั่งอาหารกับพนักงาน
“เอาทิรามิสุที่1ค่ะ”
“ครับคุณหนู”
พอลับร่างของพนักงาน
ก็มีเด็กสาวผมหน้าม้าตาสีไข่มุกเดินสวนมาก่อนจะมองมาที่เธออย่างงุนงง
“เธอเป็นคนนัดฉันเองนะ ฮินาตะ นั่งก่อนสิ”
“คุณซากุระเองเหรอคะ เล่นแต่งซะฉันจำแทบไม่ได้เลยนะคะ”
“หึๆ พอดีฉันอยากจะเล่นปลอมตัวกับเขาบ้างน่ะนะ”
“ทีรามิสุที่สั่งไว้ได้แล้วครับ”
พนักงานหนุ่มวางขนมหวานลงตรงหน้าหญิงสาวแล้วเดินออกมา
ซากุระยื่นเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะส่งให้ฮินาตะ”สั่งอะไรหน่อยสิ ทีรามิสุร้านนี้อร่อยใช้ได้เลย”
“อ่ะค่ะ แต่ตอนนี้ฉันกำลังไดเอ็ดอยู่น่ะค่ะ แต่คุณซากุระเนี่ยไม่กลัวอ้วนเลยนะคะ”
ตาสีมรกตภายใต้แว่นกันแดดสีชาจ้องมองอาการของอีกฝ่ายก่อนจะถาม”เธอคงไม่ได้มาชวนฉันมาทานขนมหรอกนะ” “คะ…คือว่าฉันอยากให้นารูโตะมาชอบฉันบ้างน่ะค่ะ ช่วยแนะนำฉันหน่อยได้ไหมคะ” ซากุระยิ้มบางๆ”ฮินาตะ ถ้าคนเราจะรักใครซักคนหนึ่งเราสามารถเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนที่เรารักได้นะแต่ คนที่รักเราจริงน่ะต้องรักในตัวตนที่แท้จริงของเรานะเพราะฉะนั้นฉันคงแนะนำได้ว่าเป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่สุดแล้ว ฉันกลับล่ะ”ว่าแล้วเธอก็วางเงินค่าขนมไว้บนโต๊ะแล้วเดินจากไปทิ้งให้หญิงสาวตาสีไข่มุกนั่งอยู่คนเดียว ในตอนนี้ซากุระกำลังร้องเพลงเดินเล่นอย่างสบายอารมณ์ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนตอนที่เธอทำอาหารนั้นรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองตลอดเธอเลยอยากจะลองปลอมตัวดู
“เล่นอะไรของเธอน่ะ ซากุระ”เสียงหนึ่งร้องทักจากด้านหลัง
หญิงสาวหันมา”กาอาระเองเหรอ”
เบื้องหน้าของเธอคือ ซาบาคุโนะ กาอาระ ชายหนุ่มผมสีแดงเพลิง ผิวขาวตาสีเขียวมรกต ขอบตาดำและอักษรคำว่ารักและแบกน้ำเต้าอันใหญ่นั้นเป็นเอกลักษณ์ หญิงสาวเอ่ยพลางยิ้ม”แต่งขนาดนี้ยังจำได้เก่งจัง”
อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ“ทำไมฉันจะจำเสียงเธอไม่ได้ล่ะ ได้ยินว่าเธอลาหยุด อาการมันกำเริบหรือยังไง”
หญิงสาวส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยลอยๆ” รู้ไหมฉันน่ะเตรียมใจที่จะตายมานานแล้วแต่มันเหมือนมีสิ่งที่ติดค้างในใจฉัน “
“สิ่งติดค้างอะไรเหรอ”ชายหนุ่มถาม
“ ไม่รู้สินะ แต่กว่าจะรู้ท่านซึนาเดะคงรักษาฉันหายแล้วล่ะนะ ฮ่ะๆ”
กาอาระเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด”ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมาช่วยฉันเธอคงไม่ต้องเป็นแบบนี้”
หญิงสาวตบบ่าของชายหนุ่มเบาๆ”อย่าคิดมากน่า ทุกปัญหายอมมีทางออก ฉันไปล่ะ บาย”
ร่างบางโบกมือลาหนุ่มผมแดงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ร่างสูงเอ่ยด้วยความเป็นห่วง”ระวังตัวด้วย”
ร่างบางหันมายิ้มให้ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งไว้แต่เพียงชายหนุ่มที่มองเธอด้วยสายตาเป็นห่วง ระหว่างทาง
ซากุระมองมือขวาของตนพลางนึกถึงเมื่อครั้งที่เธอไปหาท่านผู้เฒ่าจิโกะ นักทำนายแห่งซึนะงาคุเระเพื่อขอให้ช่วยเธอ คำพูดที่ท่านย้ำบอกเธอไว้ว่า’ทุกสิ่งย่อมสามารถพลิกพลันได้เสมอ’
ลมเย็นๆได้พัดมาร่างบางตัดสินใจที่จะเดินไปป่าทางทิศเหนือของหมู่บ้าน สักพัก หญิงสาวรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไล่ตามเธอแต่เธอพยายามสงบใจให้ตัวเองเดินไปตามปกติ
…ใครน่ะ…
เมื่อเดินไปได้สักพักร่างบางจึงตัดสินใจแอบชักมีดคุไนที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นๆ”ไม่จำเป็นต้องซ่อนหรอกออกมาเถอะ”
ว่าแล้วเธอค่อยๆถอดหมวกแล้วดึงวิกผมทองออกผมสีชมพูหวานปะบ่าตกลงมาแทน แล้วเก็บของเข้ากระเป๋าสีน้ำตาลใบเล็กเธอถอดแว่นกันแดดสีชาอันโตออกแล้วใส่กระเป๋าสีน้ำตาลใบเล็กแล้วหันไปประจันหน้ากับผู้ที่แอบสะกดรอยตามเธอมา ผู้ที่สะกดรอยตามเธอมานั้นเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งคนหนึ่งเธอพอจำได้ว่าชื่อซุยเงสึหนึ่งในทีมเหยี่ยวของซาสึเกะกับหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้ง ซากุระเอ่ยเล่นพลางฉีกยิ้ม”แหม เราอุตสาห์ปลอมตัวเป็นแหม่มผมทองแล้วนะยังอุตสาห์แอบตามมาอีกนะ มีธุระอะไรกับฉันเหรอ”
 หญิงสาวผิวน้ำผึ้งชักดาบคาตานะออกมาพลางขู่”มากับเราซะดีๆแล้วจะไม่เจ็บตัว”
ชายหนุ่มผมสีฟ้าเอ่ยอย่างเป็นมิตร”มาเถอะพวกเราไม่ทำอะไรเธอหรอกนะ คนสวย บอกตรงๆเลยนะว่า ผมสีชมพูเนี่ยเข้ากับเธอมากกว่า”
“ขอบใจ แต่ฉันไม่มีความจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของพวกแกหรอกนะ”
จบคำ สาวผิวน้ำผึ้งเข้าจู่โจมทันที ซากุระทำเพียงแต่หลบการโจมตีนั้นอย่างสบายๆ”ถามอะไรหน่อยสิ ว่า…มีธุระอะไรกับฉัน เธอช่วยบอกฉันหน่อยสิ”
สาวผิวน้ำผึ้งอ้าปากเตรียมจะพูดแต่หนุ่มผมสีฟ้าเอ่ยขัดซะก่อนพลางชักดาบใหญ่เข้ามาจู่โจม ”เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”
ซากุระตัดสินใจรวบรวมจักระไว้ที่เท้าของตนแล้วกระทืบลงพื้นส่งผลทำให้พื้นดินแตกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้สาวผิวน้ำผึ้งต้องใช้ดาบของตนปัดป้องเศษหินที่แตกกระจายหากแต่หนุ่มผมสีฟ้านั้นยังคงพุ่งเข้าไปหาร่างบางของซากุระ ร่างบางกระโดดหลบออกทางด้านข้างทันก่อนจะกำหมัดต่อยที่ท้องของอีกฝ่ายหากแต่ว่าหมัดของเธอกลับทะลุร่างของชายหนุ่ม
…นินจาน้ำเหรอ…งั้นก็ต้อง…
ร่างบางรีบชักมือกลับพร้อมกระโดดถอยออกมาแล้วหยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าสีน้ำตาลใบเล็ก สิ่งนั้นเป็นเม็ดยาสีขาวขนาดเล็กใส่ปากตนแล้วกลืนลงคอไปแล้วประสานอิน
”ตัดสายฟ้า!”
มือขวาของหญิงสาวก็มีสายฟ้าสีขาวออกมาแล้วก่อตัวเป็นรูปนกนางแอ่นพุ่งเข้าใส่หนุ่มผมสีฟ้าทำเอาชายหนุ่มโดนสายฟ้านั้นเข้าจังๆทำให้ร่างของเขาทรุดลง ซุยเงสึพึมพำ”ยัยนี่ใช้คุณสมบัติสายฟ้าได้ด้วยเหรอ”
ซากุระเอามือกุมแขนขวาทันที”ชิ แย่จริง”
เธอตัดสินใจถอยออกไปตั้งหลักก่อนพร้อมใช้คาถาแพทย์รักษาแขนขวาไปพลาง ทางด้านซายะตอนนี้ตัดสินใจเก็บดาบเข้าฝักแล้วหยิบดาวกระจายออกมาสองอันแล้วปาออกไปทำให้ซากุระต้องกระโดดหลบหากแต่ดาวกระจายกลับตามเธออย่างไม่ลดละ
…ดาวกระจายติดเส้นลวดรึ…
ซากุระหยิบดาวกระจายปาสกัดไว้แล้วถอยออกมาเพื่อรักษาระยะห่าง ซุยเงสึพุ่งเข้ามาหมายจะจัดการ สาวผมสีชมพูอ่อน ร่างบางเตรียมยกแขนขึ้นมาป้องกันตัวฉับพลันโล่ทรายก็ปรากฏเป็นเกาะกำบัง เม็ดทรายจำนวนมากมายเข้าโอบล้อมร่างบางแล้วดึงตัวเธอออกมา
”กาอาระ”
ซากุระร้องเรียกอย่างยินดีตอนนี้เธออยู่ด้านหลังของคาเสะคาเงะหนุ่มแล้วร่างสูงอดไม่ได้ที่จะบ่นใส่”เธอเนี่ยจริงๆเลยไม่ระวังตัวเลยจริงๆ ชอบทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงอยู่เรื่อย”
”บ่นอยู่ได้”ร่างบางทำหน้ามุ่ย”เดี๋ยวก็แก่ไวหรอกนะ”
หนุ่มผมแดงสบถลงในลำคอ“หึ ก็เธอชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อยนิ”ว่าแล้วร่างสูงก็ประสานอิน”กระสุนทราย”
กระสุนทรายจำนวนมากพุ่งโจมตี ซุยเงสึและซายะทำเอาทั้งสองต้องหลบ ซายะเห็นท่าไม่ดีจึงหันมาหาซุยเงสึที่ตอนนี้เอาดาบใหญ่ขึ้นมาป้องกันกระสุนทราย ”ซุยเงสึฉันว่าตอนนี้เราถอยก่อนเถอะ”
“ก็ดี ไม่งั้นพวกโคโนฮะมันแห่มาอีกแน่”ว่าแล้วทั้งสองก็กระโดดหายตัวไปทันที
หลังจากที่สองสมาชิกทีมเหยี่ยวหายตัวไปแล้วนั้น กาอาระหันหน้ามาถามร่างบางที่อยู่ข้างหลัง ”บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“ถ้าบอกว่าไม่เจ็บฉันก็โกหกแล้วล่ะ”
“ตรงไหน”ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“แขนขวาน่ะเพราะใช้วิชาตัดสายฟ้าน่ะ ขนาดครูภัคลักจำนะเนี่ยแย่เลย”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างงุนงง”เธอใช้คุณสมบัติสายฟ้าได้ด้วยเหรอ”
หญิงสาวส่ายหน้า“เปล่า ฉันกินยาเสบียงศึกแปลงคุณสมบัติจักระน่ะ เลยใช้ได้แต่เล่นเอาแขนข้างนี้เกือบแย่เลยนะ”
“ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้าง”
“ตอนนี้ใช้วิชาแพทย์รักษาอาการค่อยดีขึ้นแล้วแต่ยังปวดหนึบๆอยู่เลยน่ะ ทายาหน่อยก็คงหายแล้ว”
ชายหนุ่มจับข้อมมือข้างที่ไม่เจ็บของหญิงสาวและพูดขึ้น”ไปบอกท่านโฮคาเงะรุ่น5เถอะ พวกเหยี่ยวเข้ามาทำร้ายเธอถึงในหมู่บ้านอย่างนี้”
”อย่าเลย ฉันไม่อยากให้อาจารย์เครียด ท่านมีเรื่องให้หนักสมองพอแล้ว”
หากแต่ชายหนุ่มไม่ฟังกลับรวบตัวร่างบางขึ้นบ่าแล้วบ่นอุบ”หนักชะมัด หัดไดเอ็ดบางสิ” 
หญิงสาวฉุนกึกพลางดิ้น“โทดนะที่ฉันตัวหนักปล่อยฉันลงนะ ปล่อยๆ”
“หยุดดิ้นได้ไหม ถ้าเธอยอมไปรายงานเรื่องนี้กับโฮคาเงะรุ่น5ดีๆฉันจะปล่อยไม่งั้นฉันพาไปทั้งยังงี้ไม่รู้ด้วย"
เมื่อเจอไม้นี่เธอก็จำยอมก่อนจะพ่นลมหายอย่างหน่ายๆกาอาระยอมปล่อยเธอลง
"รอแป๊ป"ซากุระหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดลิปสติกออก"ไปกันได้แล้ว"
 ห้องทำงานของโฮคาเงะ
ตอนนี้ซึนาเดะกำลังนั่งจิบสุราอย่างสบายใจไม่มีใครมากวนโดยเฉพาะคนสนิทอย่างชิสึเนะ
'ก๊อกๆ'เสียงเคาะประตูดังขึ้น ความสุขในการจิบสุราหมดลงในทันใด
โฮคาเงะรุ่นห้าถามเสียงขุ่นๆ"ใคร"
"หนูเองค่ะ ซากุระ"
"เข้ามา"
เมื่อผู้เป็นอาจารย์อนุญาติแล้วทั้งซากุระและกาอาระก็เดินเข้ามา กาอาระเล่าเรื่องที่ซากุระโดนพวกเหยี่ยวลอบทำร้ายทำเอาซึนาเดะสร่างเมาทันทีก่อนจะเอามือกุมขมับคิดอย่างหนักใจ ซากุระเองก็หนักใจเช่นกันจะว่ากาอาระก็ไม่ได้เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายหวังดีกับตนและแล้วความคิดบางอย่าง"อาจารย์หนูมีความคิดดีๆค่ะ"
"อะไรรึ ซากุระ"ซึนาเดะเงยหน้ามาถาม
ซากุระตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ"หนูกับป้าไปอยู่แคว้นยูกิสักพัก"
กาอาระแย้งทันที"ไม่ได้นะ!ขนาดอยู่ในหมู่บ้านพวกมันยังกล้าทำร้ายเธอแล้วถ้าถ้าไปแคว้นยูกิไม่แย่กว่าเดิมเหรอ"
ร่างบางส่ายหน้า"ฟังให้จบก่อนสิ ฉันกะจะชวนคนอื่นๆไปด้วย ไปกันเยอะๆพวกนั้นคงทำอะไนบุ่มบ่ามหรอก"
ผู้เป็นอาจารย์พยักหน้าเห็นด้วยหากแต่คาเสะคาเงะหนุ่มกลับรู้สึกกังวล
ซึนาเดะตัดบท"เอาล่ะๆความคิดนี่ก็ไม่เลว ไปสิ อ้อ แล้วอย่าลืมของฝากล่ะขอเป็นสาเกนะ"
"ค่า อาจารย์"ลูกศิษย์สาวรับคำก่อนจะโค้งเคารพแล้วเดินออกไป เหลือแต่คาเงะทั้งสอง
กาอาระถามเสียงขุ่น"แบบนี้จะดีเหรอครับ"
"ดีสิ ป้าของเด็กคนนั้นเป็นถึงอดีตยอดมือสังหารของหมู่บ้านเราเลยนะ และยิ่งไปเยอะๆก็ยิ่งดี ถ้าเธอเป็นห่วงเค้าก็ตามไปด้วยสิถือซะว่าเปลี่ยนบรรยากาศบ้างที่แคว้นยูกิน่ะหนาวมากพอดูเลย"ว่าแล้วซึนาเดะก็จิบสุราต่อ
"ครับ งั้นผมขอตัว"ผู้อ่อนวัยกว่าโค้งเคารพก่อนจะเดินออกไป
ทางด้านซากุระ
ตอนนี้กำลังเดินกลับบ้านพลางกดโทรศัพท์ส่งข้อความชวนเพื่อนๆของตน "รอก่อนสิซากุระ"เสียงของกาอาระดังมาแต่ไกล
"อ๊ะ!กาอาระมีอะไรเหรอ"เธอละจากโทรศัพท์หันมาถามชายหนุ่มที่เดินตามหลังตน
ชายหนุ่มถาม"คือ..ไปแคว้นยูกิน่ะ..ชะ..ชั้นขอไปด้วยได้ไหม"
ซากุระถาม"งานที่ซึนะล่ะ"
"ฝากคันคุโร่ก็ได้ ฉันเองก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างน่ะนะ"ชายหนุ่มยิ้มตอบ
หญิงสาวยิ้มรับ"ได้สิ ว่าจะชวนคุณเทมาริไปด้วย ไปกันเยอะๆสนุกดี"
"เธอจะไปไหนต่อเหรอ"กาอาระถาม
"กลับบ้านน่ะกะไปบอกป้าแล้วเตรียมของด้วย"พูดจบเธอก็พิมพ์ข้อความต่อ
ชายหนุ่มอาสา"งั้นฉันไปส่ง"
หญิงสาวไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเพียงเเต่เดินต่อไปโดยมีชายหนุ่มผมแดงเดินข้างๆ
...
ทางด้านกลุ่มเหยี่ยว
ซุยเงสึกับซายะกลับมารายงานความล้มเหลวให้ซาสึเกะ โทบิบ่น"พวกเธอทำพลาดแล้วล่ะแบบนี้โอกาสที่จะจับตัวเด็กนั่นน่ะยากขึ้น"
ซุยเงสึพูดขึ้น"แต่ฉันไม่ยักรู้ว่ายัยนั่นจะใช้คุณสมบัติจักระสายฟ้าได้"
ซายะเสริม"นั่นสิ ใช้ได้เก่งเลยถึงกับสามารถเปลี่ยนเป็นรูปร่างได้อิสระแบบนั้นแต่ยัยนั่นเองก็มีอาการบาดเจ็บที่แขนข้างที่ใช้ตัดสายฟ้า"
ซาสึเกะเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถาม"เป็นไปไม่ได้หรอก ซากุระเป็นพวกที่ถนัดคาถาภาพลวงตามากกว่า ไม่น่าจะใช้คุณสมบัติสายฟ้าได้"
โทบิพูดขึ้น"น่าจะเป็นยาเปลี่ยนคุณสมบัติจักระล่ะมั๊ง มันไม่ใช่ยาที่จะทำกันได้ง่ายๆเลยแม้แต่โฮคาเงะรุ่นห้า แค่วิธีทำก็ยากมาก แต่ก็ให้ผลดีพอสมควรเลยทีเดียว แต่พวกเธอก็น่าจะจับเด็กนั่นมาได้นะ"
ซายะบ่น"ก็มีคาเสะคาเงะมาช่วยด้วยนี่นา ถ้าขืนพวกเราสู้ต่อมีหวังพวกโคโนฮะมันแห่มาแน่"
โทบิบ่นใส่"อย่างน้อยก็น่าจะจัดการจับมาตอนที่ยังไม่ใครมาช่วย"
ซุยเงสึพูดบ้าง"หึ!แค่ลำพังยัยนั่นก็ร้ายเอาเรื่องเผลอๆถ้าสู้ต่อพวกเราเนี่ยแหละจะแย่"
คารินเยาะเย้ย"พวกแกอ่อนเองมากกว่าล่ะมั๊ง"
ซายะสวนกลับ"ถ้าเก่งจริงลองสู้กับฉันให้ชนะก่อนเถอะ ยัยปลิงแดง"
คารินตวาตกลับ"แกอยากหาเรื่องเหรอ"
ซายะเอาดาบคาตานะของตนฟาดหน้าคารินทันที ทำให้สาวผมแดงกระเด็นไปตามแรงฟาด
คารินลุกขึ้นเพื่อจะโต้คืนหากแต่"หยุดแค่นี่แหละ ทั้งคู่เลย"โทบิตวาดทำเอาสองสาวต้องหยุดทันทีซาสึเกะหันมาตำหนิคาริน"เธอน่ะ หัดเก็บลิ้นไว้บ้างคงไม่ตายหรอกนะ ที่สำคัญตอนนี้เราต้องหาทางเอาตัวยัยนั่นมาให้ได้"
คารินสบถทันทีในขณะที่ซายะยิ้มอย่างมีชัย
โทบิพูดขึ้น"ตอนนี้เราคงทำได้แต่เพียงจับตาการเคลื่อนไหวของเด็กคนนั้นไปก่อนก็แล้วกัน"
ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น