วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562

พันธสัญญาสีดำ ตอนที่ 4 มรดกที่ถูกลืม

ซากุระรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่บนห้องบนรถไฟแต่กำลังนอนอยู่บนสถานที่แห่งหนึ่งที่ดูแห้งแล้งและอ้างว้าง ลมเย็นได้พัดมากระทบกาย
ตอนนี้เธอก็พบว่าตัวเองสวมเพียงชุดกระโปรงสีขาวเนื้อบางๆยาวกรอมเท้า"ที่นี่คือที่ไหนล่ะเนี่ย"
ไม่ทันขาดคำ เหล่าอีกาไปบินผ่านตัดหน้าทำให้เธอต้องเอามือมาป้องกันไป
"หึ หึๆแม่หนูน้อยตอนนี้เวลาชีวิตของเธอมันเหลือน้อยเต็มทีแล้ว ถ้าเวลาของเธอจะหมดเมื่อไหร่เธอต้องเริ่มทำตามสัญญา...สัญญา"เสียงแหบห้าวของบุคคลปริศนาดังขึ้น 
หญิงสาวพยายามหาที่มาของเสียงพลางตะโกนถาม"เดี๋ยวสัญญานั่นมันคืออะไร ขอร้องล่ะบอกฉันทีเถอะ"แต่สิ่งที่เธอได้รับหาใช่คำตอบ แต่เป็นเสียงหัวเราะอย่างสาแก่ใจที่ดังลั่นจนเธอต้องเอามือมาปิดหู ร่างบางหันหลังวิ่งหนีทันทีเเต่วิ่งเท่าไหร่ก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะอันน่าสะอิดสะเอียนอยู่ดี เสียงแบบนี้มันไม่ต่างจากปีศาจร้ายที่ผุดมากจากขุมนรก โอ๊ย นี่เธออยู่ในหนังสยองขวัญป่วนจิตยังไงยังงั้น
หยุดๆๆๆหยุดสักที!ใครก็ได้ ช่วยด้วย!
"เฮือก!"
นินจาสาวรู้สึกตัวก็พบว่าเหงื่อท่วมหน้า ตอนนี้ยังอยู่บนตู้รถไฟ
ตาสีมรกตมองไปยังนอกหน้าต่างเห็นบรรยากาศรอบนอกปกคลุมด้วยหิมะจึงได้รู้ว่าตอนนี้เข้าสู่แคว้นยูกิแล้ว เธอมองเวลาอีกยี่สิบนาทีก็ถึงสถานีแล้ว คงต้องเตรียมตัวให้พร้อมสินะ
...
ทางด้านทีมเหยี่ยว
ตอนนี้ทีมเหยี่ยวต้องไล่ตามเป้าหมายโดยเดินทางเท้าซึ่งกินเวลาตั้งห้าวันเพราะหากพวกเขาขึ้นรถไฟทีมีหวังพวกโคโนฮะแห่มาแน่ ก็นะ ชื่อหล้าในบิงโกบุ๊คเลยนี่
คารินบ่นอุบ"ถ้าจับยัยนั่นได้พวกเราไม่ต้องมาเดินทางเหนื่อยอย่างนี้หรอก"
ซุยเงสึอดไม่ได้ที่จะแขวะใส่"หึ บ่นมากจริงจริ๊ง เดี๋ยวก็แก่ไวหรอก"
ทั้งซายะและและจูโกะต่างขำมีเพียงซาสึเกะและโทบิยังนิ่งเฉย คารินหน้าบึ้งตึงกว่าเดิม
ซุยเงสึพูดต่อ"ที่แคว้นยูกิเห็นว่าสวยมากมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะงานนี้ถ้าจะได้เที่ยวด้วยล่ะมั้งเนี่ย"
ซายะออกความเห็น"แต่แคว้นนี้ขึ้นชื่อเรื่องการตรวจคนเข้าเมืองมาก เพราะเข้มงวดที่สุดในแถบนี้ต้องระวังหน่อยล่ะ"
โทบิหันมาถามซาสึเกะ"เราต้องเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนเร็วสุดก็สามวัน ไหวไหม"
"ตกลงตามนั้น"พอซาสึเกะตกลงอย่างนั้นทำเอาลูกทีมคนอื่นยกเว้นจูโกะหน้าถอดสีทันที
ซุยเงสึบ่น"กว่าจะถึงแคว้นยูกิ มีหวังพวกเราจะตายก่อนแน่ ซาสึเกะ"
จูโกะคิดในใจ...ความหึงขึ้นสูงเลยแฮะ...
...
ทางด้านกลุ่มโคโนฮะ
ตอนนี้ได้เข้าสู่แคว้นยูกิแล้วทุกคนต้องสวมเสื้อกันหนาวทันทีเพราะอากาศหนาวมาก ฮารุยสังเกตุเห็นว่าหน้าของหลานสาวนั้นซีดมากจึงได้ถาม"ซากุระ แกเป็นอะไรรึเปล่าหน้าซีดเชียวไม่สบายตรงไหนรึ"
เด็กสาวส่ายหน้า"ไม่เป็นไรค่ะป้า หนูสบายดีก็แค่เมารถน่ะค่ะ"
ผู้เป็นป้าลูบหัวหลานสาวอย่างเอ็นดู"ระวังบ้างสิ"
"ฮารุยซางงงง"เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังมาแต่ไกล
"นั่นใครน่ะ"นารุโตะชี้ไปที่ชายคนหนึ่งในชุดเสื้อหนาวราคาแพงคู่กับบู๊ทสุดเท่วิ่งตรงมา เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผมสีเลือดหมูยาวละต้นคอจัดทรงอย่างดีดวงหน้านั้นคมเข้มตาสีฟ้าผิวขาวจัดตามแบบคนแคว้นทางเหนือ เค้าตรงมาสำรวจเด็กสาวผมสีลูกกวาด"ซากุระเหรอโตขึ้นเยอะนะหลานนะ"เขาสวมกอดเด็กสาวทันที"นับวันยิ่งสวยเหมือนแม่นะ"
"ค่ะลุง"คำว่าลุงนั้นทำเอาทุกคนในคณะเดินทางช็อคยกเว้นฮารุย และที่ช็อคยิ่งกว่าคือคนที่ถูกเรียกว่าลุงนั่นเอง
"นี่หนังหน้าฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะ"ผู้เป็นลุงโต้กลับ
ซากุระพูดเสียงเรียบ"ลุงก็ลุงน่ะอายุครึ่งร้อยแล้วนะค่ะมีลูกสองแล้วด้วย"
อิโนะถามเสียงสั่น"คะ..คนคนนี้เป็นลุงเธอเหรอซากุระ"
"ใช่"คำตอบสั้นๆง่ายๆได้ใจความ
คนเป็นลุงรีบยืดอกและแนะนำตัว"ขอแนะนำตัวนะครับ ผม นานาเซะ ซากุราบะ ครับ"
หลังจากที่แนะนำตัวเสร็จ ซากุราบะก็นำทางไปคฤหาส์ตระกูลนานาเซะที่อยู่ไม่ไกล
ทั้งหมดถูกพามาที่คฤหาส์หลังใหญ่สไตล์ญี่ปุ่นมีอาณาเขตกว้างขวางดูสวยงาม
พ่อบ้านวัยชราเดินออกมาต้อนรับ"สวัสดีครับทุกคน มาครับ เดี๋ยวพวกกระผมช่วยถือของ"หากแต่ลี นินจาคิ้วเหลี่ยมกลับไม่ยอม"เดี๋ยวผมถือเองครับ"ว่าแล้วนินจาหนุ่มก็จัดการแบกกระเป๋าของทุกคนตามไป คุณพ่อบ้านหันมาบอก"อ้อ คุณผู้ชายกำลังรอคุณหนูอยู่นะครับ"พอกล่าวจบพ่อบ้านชราก็เดินนำนินจาคิ้วเหลี่ยมเข้าไปในคฤหาสน์
"ไปเถอะเด็กๆ"ซากุราบะเดินนำทุกคนเข้าไป
นานาเซะ คาสึอิ หัวหน้าตระกูลนานาเซะอายุเจ็ดสิบกว่าปีในชุดยูกาตะสีแดงเลือดหมูเข้ากับสีผมแดงเพลิงถึงแม้จะมีสีขาวแซมใบหน้านั้นเหี่ยวย่นตามวัย แต่ตาสีฟ้านั้นสดใสฉายแววดีใจ ใบหน้านั้นยิ้มกว้างเมื่อเห็นหลานสาวคนเดียวเดินทางมา
"สวัสดีค่ะท่านตา"ซากุระโค้งศีรษะเคารพผู้อาวุโสทันทีเช่นเดียวกับคนอื่น
"โอ้ หลานรักไม่ได้กันซะนาน โตขึ้นเยอะเลยนะหลาน สวยเหมือนแม่จริงๆ"ผู้เป็นตาออกปากชมหลานสาวคนสวยด้วยสีหน้าปิติยินดีพลางเอื้อมมือลูบหัวของหลานสาวคนเดียวของตระกูล"ยิ่งเห็นหน้าหนูทำให้ตานึกถึงซากุโระและฮารุชิถ้าทั้งสองคนยังอยู่คงจะภูมิใจในตัวหลานนะ แล้วนี่จะมาอยู่สักกี่วันล่ะ มาอยู่นานๆก็ได้ตาไม่ว่าหรอกนะตาความจริงตาอยากให้หลานมาอยู่กับตานานๆ"
เด็กสาวพยักก่อนจะตอบ"หนูกะจะอยู่สักพักค่ะ ท่านตา"
นานาเซะ มิโรกุ หญิงชราวัยหกสิบห้าในชุดกิโมโนสีเขียวไข่กาผมยาวสีน้ำตาลอ่อนแซมขาวม้วนเป็นม้วยต่ำในหน้าเหี่ยวย่นตามวัยหากแต่ตาสีฟ้าคมงามนั้นแฝงไว้ด้วยความเมตตาเธอเอ่ยกับหลานสาว"ความจริงยายอยากให้หลานเลิกเป็นนินจาเเล้วมาอยู่ที่นี่นะ"
คนอื่นๆนั้นรู้สึกเป็นส่วนเกินในทันที ฮารุยเอ่ยแทรก"ขออนุญาติพาซากุระไปหามาสะซังนะค่ะ ตอนนี้เขาคงจะว่างแล้ว"
"ก็ดีนะ"คาสึอิเห็นด้วย"รู้สึกว่ายัยหนูไม่ค่อยสบาย ผอมและผิวซีดไปหน่อย ไปหามาสะให้เขาจัดยาบำรุงให้ยัยหนูบ้างก็ดี ไม่เคยไปเจอเลยสักครั้งนี่นา ตอนนี้เค้าอยู่ที่คฤหาสน์แล้ว"
ฮารุยโค้งรับแล้วจูงมือหลานสาวออกไป โดยมีกาอาระและคาคาชิตามไปด้วย คาสึอิหันมาบอก"พาเธอก็ไปพักก่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงหรอกที่นี่แคว้นยูกิ ที่นี่เขาตรวจตราคนอย่างเข้มงวดนะ"
ฮินาตะจึงถาม"คนตระกูลนานาเซะเนี่ยมีเอกลักษณ์เด่นนะค่ะ"
ซากุราบะพยักหน้าก่อนจะอธิบาย"ใช่ จุดเด่นของตระกูลเราคือสีผมชมพูเข้มเหมือนเลือดหมู หรือไม่ก็แดงเพลิงแบบนี้แหละ และอีกอย่างก็คือตาสีฟ้า ผิวขาว ถ้าเป็นของฮารุโนะก็จะเป็นผมสีดำตาสีเขียวมรกต ผิวขาวซีด ซากุระก็เหมือนตัวแทนของสองตระกูลที่มีตาสีเขียวมรกตผมสีชมพู ผิวขาวอมชมพูใส เอาเถอะพวกเธอไปพักก่อนสักพักเดี๋ยวฉันจะให้ลูกชายเป็นไกด์ทัวร์เอง"
นินจาโคโนฮะทุกคนต่างร้องเย้ทันทีและยอมไปห้องพักที่เตรียมไว้ให้
ทางด้านซากุระ
ตอนนี้สองป้าหลานและนินจาสองหนุ่มกำลังเดินทางไปยังร้านยาสมุนไพรของแคว้นยูกิทั้งสี่ไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดทาง
สองข้างทางแคว้นยูกิเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆมากมาย มีนักท่องเที่ยวกำลังจับจ่ายซื้อของ ถึงแม้อากาศจะหนาวเย็นแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคแต่อย่างใด แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะรึ? หนาวจนไม่อาจอยู่ได้เลย
กว่าจะผ่าฝูงชนมาได้ก็เล่นเอาเหนื่อยในที่สุดทั้งสี่ก็มาถึงที่หมายร้านยาสมุนไพรแคว้นยูกิเป็นร้านยาที่มีสมุนไพรส่งออกนอกแคว้นจำนวนมาก ร้านนี้มีมาสะเป็นเจ้าของอยู่คนเดียวร้านจึงมีสองชั้นสำหรับทำบ้านพักส่วนตัวและสวนเพาะสมุนไพร พอมาถึงก็มีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดกิโมโนสีชมพูหวานออกมาต้อนรับ"สวัสดีค่ะไม่ทราบว่าพวกคุณมีธุระอะไรรึค่ะ"
"เราต้องการพบมาสะซังจ้ะ"ฮารุยตอบ
หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะผายมือเชิญ"เข้าไปนั่งพักก่อนค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะเรียนท่านมาสะให้"
ทั้งหมดเดินตามหญิงสาวไปจนถึงห้องรับรองก่อนจะลงมือจุดเตาผิงราคาแพงเพื่อสร้างความอบอุ่นให้แขก จากนั้นหญิงสาวก็แยกไป
ไม่นานก็มีสาวใช้นำขนมและน้ำขิงร้อนๆมาเสิร์ฟ
ทั้งสี่กำลังนั่งรอมาสะอยู่นานพอสมควร หญิงสาวคนเดิมก็ออกมา"ท่านมาสะ ต้องการพบแค่คุณฮารุโนะ ซากุระค่ะ เชิญ"
ฮารุยงุนงง ว่าท่านมาสะรู้ชื่อหลานสาวตนได้เช่นไรก่อนจะนึกได้ว่า พ่อตาของน้องชายคงจะพูดให้ฟังกระมังเพราะที่ผ่านมา เธอพาหลานมาที่แคว้นนี้ทีไรก็ไม่เคยได้พบมาสะเลยสักครั้ง ด้วยมาสะต้องไปติดต่องานนอกแคว้นตลอด
ซากุระยอมเดินตามไป กาอาระมองไปที่หญิงสาวด้วยความเป็นห่วง คาคาชิร้องถาม"ท่านมาสะนี่เป็นใครกันครับ ฮารุยซัง"
ฮารุยตอบเสียงเรียบ"คนรู้จักของครอบครัวน่ะ คาคาชิ เค้าคอยช่วยเหลือน้องชายในช่วงหนึ่งน่ะ"
คาคาชิพยักหน้า"ครับ"
ทางด้านซากุระที่เดินตามหญิงสาวกิโมโนไปถึงหน้าห้อง ห้องหนึ่งที่มีแสงไฟสลัวๆ หญิงสาวผายมือเชิญ"เชิญค่ะ"
ซากุระเปิดประตูเข้าไป "นั่งสินังหนู" ชายวัยกลางคนในชุดยูกาตะสีดำสวบผ้าคลุมสีเขียวไข่กาทับเส้นผมนั้นเป็นสีดอกเลาบอกใบหน้านั้นแฝงไปด้วยความอารี
ซากุระนั่งลงบนเบาะตรงข้ามกับมาสะ มาสะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม"เห็นหนูแล้วนึกถึงฮารุชิคุงจริงๆนะ ตอนแรกฉันคิดว่าเขาจะมีลูกชายแต่ที่ไหนได้มีลูกสาว ชั้นจินตนาการมาตลอดว่าเธอมีหน้าตาเช่นไร"
"แล้วท่านคิดว่าหนูมีหน้าตาเช่นไร"
"งดงาม แต่พอมามองเจ้าแล้ว งดงามกว่าที่คิดแถมยังเป็นหญิงสาวที่สวยงามราวกับตุ๊กตา รอยยิ้มหรือก็เหมือนแม่ แม่ของเจ้าเป็นคนสวย สวยมากถึงกับทำให้พ่อเจ้ามอบใจให้เลยเชียว"
เด็กสาวยิ้มบางๆก่อนจะถาม"หนูอยากรู้ว่าพ่อกับแม่หนูรักกันได้ยังไง ท่านพอจะทราบไหม"
มาสะหัวเราะเบาๆ"ได้ หนูน้อยแต่มีบางอย่างที่ฉันจะต้องให้หนู"มาสะเอื้อมไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบคัมภีร์ม้วนหนึ่งส่งให้เด็กสาว"พ่อของหนูฝากไว้ก่อนตายเขาเดินทางมาฝากฉันไว้บอกว่าถ้าลูกของเขาเกิดมาแล้วเดินทางมาหาฉันเมื่อไหร่ให้ส่งให้ถึงมือของหนูเท่านั้น"
ซากุระรับม้วนคัมภีร์มายังไม่เปิดอ่านในทันทีแล้วโค้งศีรษะขอบคุณ"ขอบคุณมากค่ะที่มาสะซังกรุณา"
ชายสูงวัยส่ายหน้า"ไม่เลย ฮารุชิก็เหมือนลูกหลานของฉันนั่นแหละนะ และนี่ก็เป็นมรดกเพียงหนึ่งเดียวของเค้า ขอส่งต่อให้เธอล่ะ...อืม... เขารักกับแม่ของหนูได้ยังไงเหรอ...ขอฉันนึกดูก่อนนะเรื่องมันก็นานพอดูเชียว"ชายสูงวัยยกชาสมุนไพรขึ้นจิบแล้วจึงเริ่มเล่า"เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ฮารุชิเดินทางมาหาฉัน เขาบอกว่าจะขอหลบพักใจที่นี่สักพัก ตัวฉันเองก็ไม่ได้ว่าอะไรดีเสียอีกที่มีแพทย์เก่งๆมาช่วยงาน ขนาดไม่ใช้วิชานินจาเขาก็เก่งมากแล้วฝีมือการปรุงยาเรียกว่าหมอเทวดา ในตอนนั้นฉันสนิทกับตาของหนูพอสมควร เขามักจะมาปรับทุกข์กับฉันเสมอๆเรื่องแม่ของหนู  ซากุโระที่มีร่างกายอ่อนแอมาเเต่เล็กๆแต่ก็เป็นคนสวยที่คนหลายแคว้นที่ได้เห็นก็ต้องหลงรักเธอเหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยาย น่ารักเหมือนตุ๊กตา พอฮารุชิมา ฉันเลยแนะให้ฮารุชิลองไปรักษาดู ผลปรากฏว่าพ่อของหนูหลงรักแม่ของหนูจนถอนตัวไม่ขึ้นเพราะครั้งแรกที่เจอกันนั้นทั้งคู่หน้าแดงทันทีเลยเชียว เพราะฮารุชิเองรูปร่างหน้าตาหล่อเหลามากเดินไปไหนสาวๆก็ต้องเหลียวมองทุกที หลังจากที่พ่อหนูไปรักษาแม่หนูบ่อยๆนั้นดอกรักก็ผลิบานขึ้นตามลำดับ ตาของหนูอาบน้ำร้อนมาก่อน เค้าวางแผนจะส่งแม่ของหนูไปแต่งงานกับคนที่อื่น ฮารุชิรู้ก็จัดการวางยาบ้านนานาเซะทั้งบ้านแล้วชวนซากุโระหนีตามกันไป ตอนนั้นฉันเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรและเกือบจะมีเรื่องแต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดีน่ะนะ"
ซากุระอมยิ้มน้อยๆไม่นึกว่าพ่อของเธอจะใจร้อนมากถึงขนาดเล่นฉุดกันเลย
มาสะเอ่ยขึ้น"เดี๋ยวฉันเขียนใบสั่งยาบำรุงร่างกายให้หนูนะ ตาของหนูโทรศัพท์มาบอกฉันแล้ว"
เด็กสาวโค้งขอบคุณอีกครั้ง
หลังจากนั้นทั้งสี่ก็เดินทางกลับหากแต่ยัยตัวแสบก็ดันอยากจะไปเที่ยวแต่ผู้เป็นป้าไม่ยอม เด็กสาวจึงอาศัยช่วงที่เดินผ่าคนที่แออัดนั้นหลบไปทันที ฮารุยนั้นอดไม่ได้ที่จะชกกำแพงระบายอารมณ์ พอกาอาระอาสาจะตามตัวมาให้แต่ฮารุยส่ายหน้าแล้วบอก"มันก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้วล่ะค่ะ ช่างเถอะ "
ระหว่างทาง
ฮารุยหันมาคุยกับคาคาชิที่เดินอ่านหนังสืออยู่นั้น ส่วนกาอาระก็กำลังดูของฝาก 
"คาคาชิมีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะให้เธอรู้ซักหน่อยนะ"
"ครับ ผมฟังอยู่"
ฮารุยเริ่มเล่า"เธอรู้มั้ยว่าทำไมน้องชายฉันถึงอัปเปหิตนออกมาจากหมู่บ้าน"
"ไม่ใช่เพราะโดนกดดัน..."
 หญิงสาวส่ายหน้า"ไม่...สาเหตุที่แท้จริงน่ะ เขาเสียใจที่รินตายไปต่างหากล่ะ ฉันขอฝากเด็กคนนั้นด้วยนะ คาคาชิ"
เนตรวงแหวนคาคาชิมีสีหน้าสลดลงแล้วรับคำ"ครับฮารุยซัง ผมจะดูแลเด็กคนนั้นเอง"
ทางด้านซากุระนั้น
เด็กสาวเดินเล่นไปเรื่อยตามประสา กลิ่นนมหอมๆโชยมาเด็กสาวเดินตามไปจนถึงที่มาของกลิ่นนั้นมาจากคาเฟ่เล็กๆที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย
ชายเจ้าของร้านร่างใหญ่เชื้อเชิญ "เชิญนั่งก่อนสิคุณหนู"
เด็กสาวเดินเข้าไปตามคำเชิญ เธอนั่งลงที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ แล้วสั่ง"ขอโกโก้ร้อนหนึ่งที่"
เจ้าของร้านส่ายหน้า"หนาวๆอย่างนี้คุณหนูควรจะสั่งนมอุ่นๆกินคู่กับคุ้กกี้สิครับ"
เมื่อเจ้าร้านแนะนำอย่างนี้มีหรือเด็กสาวจะปฏิเสธ"ก็ได้ค่ะ ขอนมอุ่นและคุ้กกี้"
สักพักนมอุ่นๆและคุ้กกี้ก็มาเสริฟ์ ซากุระลองจิบนมดู"หอมหวานจัง รสนุ่มมาก"
ชายคนนั้นหัวเราะเบาๆ"นับว่าหนูโชคดีนะ รู้มั้ยเวลาน่ะไม่เคยหยุดนิ่งหรอกนะ เวลาของหนูน่ะมันเหลือน้อยแล้ว"
ซากุระมองหน้าของเจ้าของร้านอีกทีก็พบว่าตอนนี้เธอยืนอยู่ตรงซอกตึกก็เท่านั้น เด็กสาวแตะที่ริมฝีปากตน"รสนม ยังอยู่แหะ เรื่องแปลกๆมาหาเราตลอดเลย"
พอกลับมาถึงบ้านเธอก็โดนผู้เป็นป้าเอ็ดชุดใหญ่ซึ่งเธอทำได้แต่นั่งฟังอย่างเงียบๆเท่านั้น
หลังจากที่โดนเอ็ดเรียบร้อยแล้วเธอเข้าห้องแล้วปิดประตูอย่างมิดชิดหยิบคัมภีร์ที่มาสะซังมอบให้เธอคลี่คัมภีร์ออกมาภายในนั้นว่างเปล่ามีเพียงรูปมือที่ถูกวาดไว้เท่านั้น เด็กสาวถอดถุงมือข้างหนึ่งแล้วเอามือมาวางทับบกับรููป'บุ้ง'ควันขาวพุ่งมาดาบคาตานะคู่หล่นออกมาใส่มือเด็กสาวอย่างเหมาะเจาะ เธอเดาได้เลยว่านี่ต้องเป็นดาบของพ่อแน่ๆเธอชักดาบออกจากฝัก ดาบนั้นทำจากเงินเนื้อดีเยี่ยมน้ำหนักเบาสลักลายนกนางแอ่นสวยงามนิ้วเรียวแตะที่ดาบ มีเรียบเนียนสื่อถึงความปราณีตของช่างตีดาบมันช่างเป็นงานที่ปราณีตและงดงามที่สุดเลยก็ว่าได้ เธอมองฝักดาบไม้อย่างประหลาดใจเพราะความยาวของดาบและฝักดาบไม่เท่ากันโดยที่ฝักดาบยาวกว่าตัวดาบ เด็กสาวจับฝักดาบส่วนที่ยาวเกินมาก็พบว่ามันเป็นเพียงกระดาษสีดำที่พันหลอกไว้เท่านั้น ซากุระคลี่กระดาษออกอย่างเบามือมันเป็นตัวอักษรสีขาวเธอรีบเก็บดาบเข้าคัมภีร์และซ่อนแผ่นกระดาษไว้กับตัวเพราะเธอเชื่อว่ามันต้องเป็นข้อความของพ่อที่ส่งถึงเธอแน่
ในตอนนี้ซากุระได้เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดแขนยาวสีขาวแล้วสวมเสื้อกั๊กสีดำทับอีกทีแล้วใส่เลคกิ้งสีดำรองเท้าบู๊ทโดยที่ไม่ลืม สวมหมวกฟักทองสีดำและผ้าพันคอสีดำ พอเด็กสาวเดินออกนอกห้องก็พบว่ามีใครบางคนปิดตาของตนอยู่"ทายสิใครเอ่ย"
ซากุระจำเสียงนี้ได้"เลิกเล่นเถอะค่ะ พี่ฮิคาริ พี่โคฮารุ"
พอมือหนาเปิดออก ซากุระหันมาประจันหน้ากับสองหนุ่มที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง ฮิคารุและโคฮารุนั้นเป็นฝาแฝดอายุมากกว่าเธอถึงสามปี ทั้งคู่ร่างสูงโปร่งมีผมสีชมพูเข้มอมน้ำตาลผิวขาว แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือแฝดคนน้องโคฮารุมีตาสองสีคือขวาสีน้ำตาลสุกใส ซ้ายสีฟ้า เทียบกับฮิคารุแฝดคนพี่นั้นที่มีตาสีน้ำตาลสุกใสทั้งสองข้าง ในตอนนี้ทั้งคู่ทำงานเป็นดีไซด์เนอร์ควบคู่กับพ่อค้าผ้าไปในตัว
เด็กสาวทัก"ไม่เจอกันนานนะค่ะ สบายใจไหม"
"ก็สบายดีจ้ะ"แฝดพี่ตอบ
แฝดคนน้องเข้ามาบีบไหล่พลางขอร้อง"พี่มีเรื่องจะให้เราช่วยหน่อยน่ะนะ"
ซากุระเอียงคอถามทั้งรอยยิ้ม"อะไรเหรอค่ะ ถ้าหนูช่วยได้ก็จะช่วยค่ะ"
"เยี่ยม ตามเราสองคนมาเลย"สองแฝดพูดจบก็ลากน้องสาวผู้น่ารักเข้าไปอีกห้องทันที
ทางด้านกลุ่มโคโนฮะ
ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งรอไกด์ที่จะนำทัวร์แคว้นรอแล้วรออีกก็ยังไม่มา
"นี่ เจ้านั่นชักจะเหมือนครูคาคาชิแฮะ สายโด้งขนาดนี้"นารูโตะโวย
"นารูโตะ เราเป็นแขกนะครับ เขาอาจจะมีธุระก็ได้"ซาอิปลอบ
ไม่นาน
สองหนุ่มฝาแฝดก็เข้าแล้วทักทายด้วยรอยยิ้ม"สวัสดีทุกคน"
แฝดพี่พูดก่อน"ฉันชื่อฮิคารุ และนี่น้องชายฉันโคฮารุ ต้องขอโทษด้วยที่มาสาย พอดีพวกเรากำลังจะนำตุ๊กตาของพวกเราไปประกวดน่ะนะ"
"ตุ๊กตา"ฮินาตะเลิกคิ้วสงสัย
โคฮารุยิ้ม"ใช่ครับ"
ว่าแล้วเค้าก็จูงมือบางสิ่งให้เข้ามาด้วยเป็นซากุระในตอนนี้อยู่ในชุดโลลิต้าสั้นสีชมพูหวาน สวมถุงน่องสีขาวและรองเท้าส้นเตี้ยขัดเงาสีแดงสด ผมสีชมพูหวานยาวปะบ่านั้นถูกดัดเป็นลอนสลวยน่ารัก มีดอกกุหลาบสีชมพูดอกใหญ่ประดับ ดวงหน้างามนั้นแต่งแต้มด้วนเครื่องสำอางบางๆถ้าไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนพวกเขาก็คงคิดว่าเธอเป็นตุ๊กตาก็เป็นได้ ในตอนนี้เธอช่างเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบอย่างดี
"น่ารักไหมๆ"ฮิคารุร้องถาม
โคฮารุเอ่ยขึ้น"วันนี้พวกเราจะเข้าประกวดแฟชั้นน่ะนะแต่ไม่มีหุ่นเลยให้น้องสาวที่น่ารักมาเป็นตุ๊กตาให้ชั่วคราว"
"หนูอายจัง พี่โคฮารุ"
ฮิคารุปลอบ"ไม่เป็นไรหรอกน่า เราน่ะน่ารักออก วันนี้พวกพี่ต้องชนะแน่ๆ"
ฮิคารุดูนาฬิกาที่ข้อมือ"อีกเดี๋ยวก็จะแข่งแล้วไปเหอะ พวกเธอก็ไปดูด้วยสิ หลังเสร็จงานนี้พวกเราจะพาเที่ยว"
"ไปดิๆ"นารูโตะร้องอย่างยินดี
ซากุระนั้นทำได้แต่หลบตาและเอียงอายเท่านั้น...
...

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562

พันธสัญญาสีดำ ตอนที่ 3 หลี้ภัย

กาอาระเดินทางมาส่งซากุระถึงบ้าน กาอาระสังเกตว่าบ้านของหญิงสาวนั้นห่างไกลจากในหมู่บ้านมากแต่เป็นบ้านสองชั้นและเรียบง่ายมีรั้วเล็กๆ
ซากุระเดินเข้าไปเปิดประตู"กลับมาแล้วค่า"ก่อนจะหันมาพูดกับชายหนุ่ม"เข้ามานั่งพักก่อนนะ"
ชายหนุ่มพยักหน้าพลางเดินตามหญิงสาวเข้าไป เธอพาเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย"สงสัยป้าไปซื้อของแน่เลย"
กาอาระเข้ามานั่งบนโซฟาสีเขียวอ่อนเข้ากับโต๊ะกาแฟไม้มีแจกันใบเล็กใส่ดอกไม้ประดับในขณะที่ซากุระไปในครัวเตรียมชงชาให้แขก
ไม่นาน หญิงสาวก็ออกมาพร้อมถาดใส่ถ้วยชาสองถ้วยพร้อมกับขนมโมจิแล้วเสริฟลงบนโต๊ะ
กาอาระถาม"เธออยู่กับป้าสองคนเหรอ"แล้วยกชาขึ้นจิบ
"อืม"หญิงสาวตอบรับสั้นๆก่อนจะยกชาขึ้นจิบ
"แล้วพ่อแม่เธอล่ะ"ชายหนุ่มถามต่อ
ซากุระตอบเสียงเรียบ"พ่อเสียตั้งแต่ฉันยังไม่เกิดเลยส่วนแม่เองก็เสียตั้งแต่คลอดฉันออกมาเพราะคลอดก่อนกำหนดสองเดือนและเสียเลือดมากเกินน่ะ"
กาอาระแปลกใจกับกิริยาของซากุระมาก"ทำไมเธอไม่เศร้าเลยล่ะ"
ซากุระที่กำลังเคี้ยวขนมอยู่นั้นกลืนลงคอก่อนจะตอบ"เศร้าไปร้องไห้ไปก็ไม่ช่วยให้ท่านทั้งสองฟื้นขึ้นมาหรอกอีกอย่างถ้าฉันมั่วแต่ร้องไห้ขี้มูกโป่งล่ะก็พ่อกับแม่ที่อยู่บนสวรรค์คงไม่สบายใจแน่ แต่ถ้าถามว่าฉันเสียใจและคิดถึงท่านทั้งสองไหมก็ต้องบอกว่าทั้งเสียใจและคิดถึงมากเลยล่ะ"
ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ"แต่ดูเธอปลงกับเรื่องนี้มากเลยนะ"
หญิงสาวตอบเสียงใส"ใช่แล้วล่ะเพราะทุกชีวิตย่อมต้องตายอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมชาติ มันขึ้นอยู่กับว่ามันจะเกิดช้าหรือเร็วก็เท่านั้นแหละแต่ก็นะสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการใช้ชีวิตล่ะ"
กาอาระเอ่ยด้วยเสียงเศร้า"ถ้าไม่ใช่เพราะเธอไปช่วยหมู่บ้านฉันล่ะก็เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นหรอก"
หญิงสาวเอนหลังบนโซฟาอย่างสบายๆ"อย่าโทษตัวเองเลยนะ กาอาระ ตอนนี้เราก็ต้องหาทางรักษาอักขระให้ได้น่ะ อีกอย่างท่านผู้เฒ่าจิโกะก็บอกว่าทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงได้นะ อย่าลืมสิ"
แต่ยังไม่ทันที่สองหนุ่มสาวจะคุยอะไรต่อ ฮารุยก็กลับมาแล้ว "อ้าว ซากุระกลับมาแล้วมีแขกรึวันนี้"
ซากุระรีบเข้าไปช่วยป้าถือของเข้าบ้าน ผู้เป็นป้าถาม"เพื่อนรึ"
"ค่ะ ป้าหนูว่าเราไปเที่ยวแคว้นยูกิกันดีไหมท่านซึนาเดะให้หนูหยุดตั้งเดือนหนึ่งแน่ะ แล้วตอนนี้หนูก็ชวนเพื่อนคนอื่นไปกันแล้วด้วยนะค่ะ"
ทำเอาผู้เป็นป้าเหงื่อตกแต่ก็มีรอยยิ้มผุดที่ใบหน้า"ปฏิเสธไม่ได้เลยนะ ตกลง ไปกันพรุ่งนี้เลยดีไหม"
หลานสาวตัวแสบโผเข้ากอดทันที"หนูรักป้าที่สุดเลย เดี๋ยวจะส่งข้อความบอกเพื่อนทุกคนเดี๋ยวนี้แหละค่า กาอาระไปเตรียมของสิแล้วพรุ่งนี้แปดโมงเช้าเจอกันที่หน้าหมู่บ้านนะ"ว่าแล้วซากุระก็เดินเอาของไปเก็บแล้วพิมพ์โทรศัพท์ส่งข้อความนัดหมายเพื่อนๆที่จะไป
กาอาระออกมาเคารพฮารุย"สวัสดีครับ คุณคงเป็นป้าของซากุระสินะครับ ผม ซาบาคุโนะ กาอาระยินดีที่ได้รู้จัก"
ฮารุยหันมาทางผู้ทักทายตน"อ้าว ท่านคาเสะคาเงะเองเหรอค่ะ"
กาอาระกล่าวอย่างสุภาพ"เรียกผมว่ากาอาระเถอะครับ ฮารุยซังอายุมากกว่าผมอีก"
"จ้ะ ดูเป็นผู้ใหญ่จังเลย"
"ขอบคุณครับ เอ่อ ขอตัวก่อนนะครับ ต้องรีบไปจัดกระเป๋า"
ฮารุยรู้สึกเอ็นดู"แล้วนี่นั่งพักหายเหนื่อยแล้วเหรอ"
กาอาระตัดสินใจบอกลา"ครับ เดี๋ยวผมต้องกลับไปจัดของอีกเพราะพรุ่งนี้ผมจะไปแคว้นยูกิด้วยน่ะครับ ขอตัวก่อนครับ สวัสดี"
"จ๊ะๆพรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะ"
พอลับร่างของหนุ่มผมแดงไปแล้ว ซากุระนำถ้วยชาที่แขกเพิ่งจิบไปล้างแล้วรินชาถ้วยใหม่มาให้ผู้เป็นป้า
ฮารุยนั่งบนโซฟาอย่างสบายๆแล้วรับถ้วยชามาจิบ"ขอบใจ"
ซากุระมานั่งตรงกันข้ามของผู้เป็นป้า"ป้าค่ะเล่าเรื่องของพ่อต่อสิค่ะ หนูอยากฟังนะๆๆ"
ฮารุยยกชาขึ้นจิบแล้วส่ายหน้าเมื่อหลานตัวแสบยังจำได้"อืม ป้าเล่าถึงไหนแล้วล่ะ"
ผู้เป็นหลานตอบเสียงใส"เล่าถึงตอนที่พ่อสอบจูนินชนะค่ะ"
"อ้อ งั้นเหรอตอนนั้นพ่อของเราก็โดนจับคู่สู้รอบที่สามกับคนที่เคยทำร้ายตัวเอง เจ้านั่นขู่ใส่เขาด้วยนะ"
หลานสาวยกชาขึ้นจิบก่อนจะถาม"แล้วพ่อขู่เขาว่าอะไรรึค่ะ"
ฮารุยยิ้มนิดๆ"พ่อเราพูดว่า'ถ้าลงสนามแข่งเมื่อไหร่แกตายแน่'"
ซากุระคิดในใจ...ทำไมพ่อเราโหดจัง...
ฮารุยเล่าต่อ"หลังจากนั้นทางโคโนฮะให้เวลาสามเดือนในการเตรียมตัว ตอนนั้นพ่อเราเองก็ฝึกหนักมากผ่านไปสามเดือนตัวสูงพรวดถึงยี่สิบเซน ตอนแรก145 ไปฝึกอีท่าไหนก็ไม่รู้สูงพรวดเป็น165เซน ก็ถือว่าสูงมากสำหรับเด็กแปดขวบจวนเก้าขวบน่ะนะ นั่นยิ่งทำให้พ่อเราหล่อมากขึ้น จากนั้นผลปรากฏว่าเขาได้เป็นจูนินเพียงแต่อายุของเขายังเด็กเกินไปเลยต้องเป็นเกะนินไปก่อนอีกสามปีถึงจะเป็นจูนินได้โดยไม่ต้องสอบ หลังจากนั้นตัวเจ้านั่นก็เนื้อหอมมากแต่พ่อเราก็แอบชอบ อุจิวะ โซระ แต่ทั้งคู่ก็พยายามศึกษากันฮารุชิไม่เคยที่จะลวงเกินผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิดจนกระทั่ง..."
หญิงสาวถาม"กระทั่งอะไรเหรอค่ะป้า"เธอเองก็รู้สึกข้องใจถ้าพ่อมาชอบคนจากอุจิวะแล้วจะมารักกับแม่ได้ยังไง
ฮารุยเอ่ยเสียงเศร้า"ฮารุชิแอบไปได้ยินยัยนั่น บอกว่า สำหรับตัวเขานั้นก็แค่เครื่องทดสอบเสน่ห์ เมื่อพ่อเรารู้รู้อย่างนั้นก็เปลี่ยนไปเลยไม่ค่อยอยู่กับบ้าน นอกจากไปทำภารกิจแล้วเจ้นั่นออกจากบ้านแต่เช้ามืดกลับมาก็ดึกดื่น"
ซากุระถามแทรก"ป้ารู้ได้ยังไงเหรอ"
ฮารุย"รินมาเล่าให้ฟังน่ะ"
หลานสาวตัวร้ายพยักหน้าเข้าใจ ริน หรือฮารุโนะ ริน มีศักดิ์เป็นลูกบุญธรรมของตระกูลนี้เป็นลูกศิษย์ของพ่อและอาบุญธรรมของเธอที่เสียชีวิตไปตั้งแต่สมัยสงครามนินจา
ฮารุยเล่าต่อ"รินน่ะตามติดฮารุชิไปตลอดจึงรู้แต่หลังๆฮารุชิเองก็แวบไปแวบมารินเองก็เป็นเกะนินต้องไปทำภารกิจ จากนั้นครอบครัวก็เริ่มห่างเหินไปทุกทีๆ จากนั้นฮารุชิก็เข้าร่วมเป็นหน่วยแพทย์ในสงครามนินจาต่อมาก็ถูกปรับปรัมว่าเป็นคนที่แอบเรียนยาทิพย์เพราะก่อนหน้านั้นเจ้านั่นถูกปู่ของเราวานให้ไปหาสมุนไพรที่หอสมุดต้องห้ามแล้วหอนั่นก็ระเบิด ถึงแม้หลักฐานจะไม่มีพอที่จะปรับปรัมพ่อเราได้แต่พ่อของเราก็ออกจากหมู่บ้านไป"
เด็กสาวพยักหน้ารับรู้หากแต่ในใจนั้นคิด...นั่นคงจะเป็นแค่ข้ออ้างของพ่อล่ะมั๊ง...
ฮารุยยกชาขึ้นจิบแล้วเล่าต่อ"หลังจากนั้นมาห้าปีพ่อเราก็กลับมาในคืนที่ฝนตกกระหน่ำและพาแม่เรามาด้วย"
ซากุระถามด้วยตาเป็นประกาย"แล้วพ่อกับแม่รักกันได้ยังไงค่ะบอกหนูหน่อยสิป้า"
ผู้เป็นป้าส่ายหน้า"ไม่รู้สิ แต่ตอนนั้นพวกเราไม่รู้เลยว่าผู้หญิงที่พ่อเราพามานั้นเป็นใครมาจากไหนรู้แต่ว่าชื่อซาคุโระก็เท่านั้นและอีกอย่างตอนนั้นพ่อเราเคาะประตูชนิดจะพังประตูก็ไม่ปานพอปู่เราเดินไปเปิดให้พ่อเราพลักปู่ติดประตูแถมพูดว่า เวลาคนมันเข้าก็จะเข้าทันทีให้มันรู้มั่ง แล้วเดินเข้าบ้านพร้อมแม่เราอย่างไม่สนใจปู่ที่แบนคาประตูบ้าน นึกถึงตอนนั้นทีไรก็อดขำไม่ได้เลย"ว่าแล้วฮารุยหัวเราะเบาๆหากแต่ซากุระนั้นหัวเราะเเห้งๆ...พ่อเรารักปู่จริงๆ...
ฮารุยเล่าต่อ"จากนั้นแม่เราก็เข้ามาอยู่ในบ้านในฐานะเมียของพ่อเรา"
ซากุระเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถาม"แล้วพ่อกับแม่แต่งกันแล้วเหรอค่ะ"
ฮารุยตอบเสียงหน่ายๆ"ยังหรอกพ่อเราโกหกว่าได้กันแล้วต่างหากล่ะ ย่าเราไม่ค่อยชอบแม่เรานักเพราะร่างกายอ่อนแอและทำงานบ้านไม่เป็นแต่สุดท้ายก็ยอมรับแม่เราเพราะนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตนของแม่เราน่ะแหละนะแต่เรื่องก็แดงขึ้นเมื่อตาและยายเรามาที่หมู่บ้านเพื่อจ้างนินจามาตามหาแม่เราตอนนั้นแหละถึงได้รู้ว่าพ่อแม่เราหนีตามกันมา ดีที่ท่านรุ่นสามช่วยไกล่เกลี่ยให้ไม่งั้นแย่เลย สุดท้ายทั้งคู่ก็แต่งงานกันเป็นการแต่งแบบเรียบง่ายไม่หรูหรา ถ้าอยากรู้ว่าพ่อกับแม่เรารักกันได้ยังไงถ้าไปแคว้นยูกิแล้วไปถามมาสะซังนะเขาน่ะรู้ ไปจัดของได้แล้วไป"
"ค่าป้า"
พอลับร่างหลานตัวดีฮารุยนึกถึงตอนที่น้องชายตัวร้ายกลับมาในคืนที่ฝนตกกระหน่ำหลังจากที่ออกจากหมู่บ้านไปห้าปีกว่า
สามสิบสองปีก่อน
'ครืนๆๆ'สายฝนได้ตกกระหน่ำภายในบ้านฮารุโนะ มีกันอยู่สามชีวิตคือ ฮารุโนะ ฮาราตะ ผู้นำตระกูลและเป็นหมอใหญ่ของโคโนฮะ ฮารุโนะ ชิสึกุ ภรรยา และฮารุโนะ ฮารุย ลูกสาวคนโต ตอนนี้ทั้งสามกำลังนั่งพักผ่อนในห้องนั่งเล่น ฮาราตะ กำลังนั่งตรวจเอกสารพลางจิบชาส่วนชิสึกุกำลังล้างจานและฮารุยกำลังนั่งปักผ้า
'ปังๆๆๆ'เสียงทุบประตูดังขึ้น
"ใครน่ะ"ชิสึกุพูดขึ้นก่อนจะหันไปสั่งสามี"คุณค่ะไปดูที"
ฮาราตะไม่ตอบละจากเอกสารตรงไปเปิดประตู"รู้แล้วๆจะเปิดให้เดี๋ยวนี้"
'ปัง/โครม!'
พอฮาราตะบิดประตูก็โดนคนที่เปิดประตูนั้นพลักติดกำแพงพร้อมบานประตู
ร่างที่เดินเข้าพร้อมน้ำเสียงแสนจะกวน"เวลาคนจะเข้าก็จะเบสามข้าทันทีให้มันรู้ไว้มั่ง"ฮารุชิลูกชายคนเล็กวัยยี่สิบของตระกูลได้เดินเข้ามาในบ้านในสภาพเปียกปอนพร้อมหญิงสาวร่างบอบบางคนหนึ่งโดยไม่สนใจพ่อที่โดนพลักติดกำแพงพร้อมบานประตู
ชายหนุ่มหันมาถามหญิงสาวที่ตัวเปียกปอนเช่นเดียวกัยบตนด้วยความเป็นห่วง"ซาคุโระเป็นยังไงบ้างจ๊ะเดี๋ยวเข้าบ้านเช็ดตัวก่อนนะ"ตาสีเขียวเหลือบไปเห็นผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าติดกำแพงพร้อมบานประตู"พ่อไปทำอะไรน่ะ"
ทำเอาฮาราตะโกรธจนไม่รู้ว่าจะด่าอะไรไอ้ลูกชายคนนี้ดีหายไปตั้งห้าปีกว่ากลับมายังคงชอบกวนประสาทตนเหมือนเคยส่วนผู้เป็นแม่และพี่สาวทำได้แต่หน่ายใจกับนิสัยของลูกชายตนที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยในเรื่องที่ชอบกวนประสาทพ่อ ฮารุชิพาหญิงสาววัยยี่สิบกว่ามานั่งที่โซฟาก่อนจะหันมาบอกกับพี่สาว"พี่ช่วยไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ผมกับเมียผมที"
คำว่าเมียของผม ของฮารุชินั่นทำเอาชิสึกุผู้เป็นแม่นั้นแทบจะลมใส่จนสลบ ส่วนคนถูกใช้นั้นอึ้งเช่นเดียวกับฮาราตะผู้เป็นพ่อเองก็อึ้งทึ้งจนพูดอะไรไม่ออกหากแต่ฮารุชิยังคงนิ่งเฉยส่วนหญิงสาวที่เป็นเมียนั่นดวงหน้าแดงก่ำราวกับมะเขือเทศสุกและบิดตัวอย่างเอียงอาย
กลับมาปัจจุบัน
ฮารุยเก็บถ้วยชาไปล้างแล้วขึ้นไปจัดกระเป๋าของตนบ้าง นานแล้วที่ไม่ได้ไปที่นั่น
.. 
รุ่งเช้าที่หน้าหมู่บ้านโคโนฮะ
ซากุระและฮารุยพร้อมด้วยเพื่อนจูนินอีกสิบเอ็ดคนและกาอาระคาคาชิได้มาอยู่รวมกันสำหรับคาคาชิที่มาด้ายเนื่องจากได้รับคำสั่งจากซึนาเดะให้มาคุ้มครองซากุระอยู่ห่างๆเพื่อป้องกันพวกเหยี่ยวมาชิงตัวศิษย์รักของตน
ทางด้านทีมเหยี่ยวที่ตอนนี้กำลังจัองกลุ่มโคโนฮะอยู่นั้นซายะแสดงความเห็น"งานนี้ท่าจะยากไปกันเป็นโขยงอย่างงี้"
โทบิเสริม"งานนี้พวกนั้นระวังตัวดีมากเลยนะ"แล้วหน้าไปถามซายะ"เธอแน่ใจนะว่าพวกนั้นจะไปแคว้นยูกิ"หญิงสาวพยักหนัารับแล้วตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"แน่นอน"
โทบิบ่น"งานช้างแล้วสิเด็กนั่นเข้าใจหาที่หลบภัยจริงๆ"
"ทำไม"อุจิวะหนุ่มถามเสียงขุ่นสายตาของเขาตอนนี้จ้องมองไปที่หญิงสาวผมสีซากุระที่กำลังยืนคุยกับคาเสะคาเงะหนุ่มอย่างสนุกปากอารมณ์เขาตอนนี้มันโกรธปนหึงหวงแทบอยากจะกระชากหญิงสาวออกมา อกเขาแทบจะระเบิดออกมาจากอกแต่ขืนบุ่มบ่ามเข้าลักพาตัวหญิงสาวตอนนี้ฝ่ายตนจะเสียเปรียบยิ่งกว่านั้นการลักพาตัวจะทำได้ยากมากขึ้น
โทบิอธิบาย"เด็กนั่นมีเป็นลูกหลานตระกูลนานาเซะตระกูลนี้เป็นตระกูลพ่อค้าใหญ่ที่ถึงแม้จะเป็นพ่อค้าแต่เจ้าเมืองให้ความเคารพมาก พวกเขาคงไม่ปล่อยหลานสาวคนเดียวถูกพาตัวไปแน่"  
อุจิวะหนุ่มพยักหน้ารับ"งานนี้ต้องวางแผนให้รอบคอบที่สุด"
โทบิส่ายหน้า"เราคงต้องจับตาดูเด็กคนนั้นอย่างเดียวซะเเล้ว"
...
ทางด้านกลุ่มโคโนฮะ
ฮารุยหันไปถาม"เอาล่ะมากันครบรึยัง"
ซากุระเอ่ยเสียงหน่ายๆ"เหลือเจ้าบ้านารูโตะคนเดียวล่ะป้า"
ไม่ทันไรเจ้าบ้าที่หญิงสาวพูดถึงก็เดินมาถึงพร้อมกระเป๋าที่อัดเเน่นด้วยขนมมากมายทำเอาทุกคนเหงื่อตกพลางคิดในใจแบบเดียวกันว่า'..มันกะย้ายบ้านเลยรึไงฟ่ะ..'ซากุระเท้าสะเอวบ่นแบบร่ายยาว"มาก็สายแถมขนของมายังกะจะย้ายบ้านเนี่ยที่มาสายคงไม่ได้ตื่นสายหรอกนะนารุโตะชาตินี้นายน่ะ หาแฟนไม่ได้หรอก!!!เพราะไม่มีเลดี้ที่ไหนชอบผู้ชายตื่นสายหรอกนะ"
คนถูกบ่นหน้าจ๋อยลงทันที
ฮารุยสรุป"พวกเราจะเดินทางไปแคว้นยูกิกันทางรถไฟนะสักห้าชั่วโมงคงถึง" 
จากนั้นทั้งหมดก็เดินทางไปยังสถานีรถไฟของอิโยะคุนิ(สมมุติค่ะ)โดยรถไฟของสถานีนี้จะแบ่งเป็นห้องๆเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสาร โดยงานนี้ซากุระขอนั่งที่ห้องคนเดียวโดยอ้างว่า'อยากนั่งอ่านหนังสือของพ่อคนเดียว'แต่คาคาชิกาอาระฮารุยก็นั่งอยู่ห้องข้างๆ
ในขณะที่กลุ่มเหยี่ยวทำได้แต่เดินทางด้วยเท้าไปแคว้นยูกิซึ่งกินเวลาถึงห้าวันงานนี้ซากุระคำนวนไว้อย่างดีเพราะมันสามารถซื้อเวลาให้เธอไขปริศนาที่พ่อทิ้งไว้ให้ และเพื่อหลบสายตาของพวกที่ปรึกษาโคโนฮะที่จ้องจะเอาแต่ประโยชน์เข้าตัวและพวกเหยี่ยวที่สำคัญนาฬิกาชีวิตของเธอเหลือน้อยเต็มที ตอนนี้ชีวิตของเธอราวกับนาฬิกาทรายที่เวลาเริ่มลดลงทีละน้อยๆ ตอนนี้อากาศเริ่มหนาวเพราะเริ่มเข้าสู่แคว้นยูกิเธอเลยต้องสวมเสื้อคลุมหนังสีน้ำตาลซึ่งคู่กับชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวคู่กับกระโปรงพรีตคลุมเข่าสีดำรองเท้าบู๊ทหนังสีน้ำตาลเธอต้องสวมหมวกฟักทองสีดำปอยผมเส้นเล็กสีลูกกวาดยังคงมาคลอเคียบนดวงหน้าเล็กน้อยดวงตาสีมรกตถูกปกปิดด้วยแว่นกรอบดำหนาเตอะทำให้ดูไม่สะดุดตา 
หญิงกำลังนั่งเท้าคางไขว่ห้างอ่านนิยายเรื่องยูนิคอร์นตัวสุดท้ายต่อจากที่เธออ่านไว้ก่อนหน้า
......
ขบวนรถเกวียนเก่าๆแล่นผ่านมาแล้วหยุดลงที่ยูนิคอร์นสาวที่ยามนี้กำลังหลับใหล หญิงชราร่างเตี้ยแคระในชุดเสื้อเก่าๆก้าวลงมาเธอสวมหมวกกรวยสีน้ำตาลใบโตมันทำให้หมวกดูเด่นมากกว่าตัวของหญิงชรา หล่อนมองมาที่ยูนิคอร์นสีขาวที่นอนหลับด้วยอ่อนล้า เธอฉีกยิ้มอย่างยินดีแล้วกล่าวขึ้น
...โอ้..วันนี้ช่างน่ายินดีเหลือเกินสวรรค์ให้ข้าได้เจอมัน..เจ้าตัวสุดท้าย...
ไม่นานก็มีชายสองคนเดินลงมาจากเกวียนคนหนึ่งเป็นชายร่างผอมสูงในชุดคลุมสีดำและสวมหมวกทรงกรวยยาวสีดำอีกคนเป็นชายร่างแคระหลังค่อมสวมผ้าปิดตาซ้ายไว้ทั้งคู่ตรงมาที่หญิงชรา "โอ้เจ้านายเกิดอะไรขึ้นรึ"ชายร่างแคระร้องถาม
"เบาๆหน่อยเจ้าโง่"หญิงชราร่างเตี้ยหันไปตะคอกเบาๆให้ได้ยินกันแค่สามคน
ชายหนุ่มร่างผอมในชุดคลุมสีดำมองมาที่สิ่งมีชีวิตที่หำลังหลับด้วยสายตาตะลึงอยู่ครู่ก่อนจะปรับให้เป็นปกติเขารู้ทันทีว่านั่นคือยูนิคอรน์ สัตว์ในตำนานที่ยืนยงดุจท้องฟ้าและพระจันทร์
หญิงชราตรงกระชากคอเสื้อขอชายหนุ่มให้ลดต่ำลงมาระดับเดียวกับตนพลางถามเสียงเย็น
"เจ้าเห็นอะไร ตอบข้ามาสิ"
หากแต่ชายหนุ่มยังคงนิ่งเฉยไม่มีคำตอบใดๆออกมา
หญิงชราเค่นเสียง"ตอบมาสิ ไอ้พ่อมดกำมะลอ"
ชายหนุ่มสะดุ้งก่อนจะตอบ"มันก็แค่ม้าสีขาว"
หญิงชราพอใจในคำตอบจึงหัวเราะเบาๆพลางปล่อยคอเสื้อของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ"ใช่ ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้ามันก็แค่ม้าสีขาว เอาล่ะข้าจะนำมันร่วมขบวนเรายังพอมีกรงเหลืออีกหนึ่งกรง พรุ่งนี้ผู้คนต้องแห่มากันแน่ ฮิฮิๆ"
เมื่ออาชาในตำนานเริ่มขยับ ชายหนุ่มร้อง"มันกำลังจะตื่น"
"ไม่ต้องห่วง"และแล้วหญิงชราเริ่มร่ายมนต์ ทำให้เจ้ายูนิคอรน์สาวหลับใหลและมีเขาแสงสีขาวออกมา ทำให้สายตาคนทั่วไปมองว่ามันเป็นยูนิคอรน์จริงๆแต่สำหรับชายหนุ่มร่างสูงนั้นในสายตาของเขานั้นกลับเห็นเป็นเจ้ายูนิคอรน์ที่ถูกใส่เขาเพิ่มก็เท่านั้น
รุ่งเช้าคณะละครสัตว์นั้นมีผู้คนแห่มาดูสัตว์ประหลาดในตำนานกันมากมายโดยมีชายร่างแคระหลังค่อมนั้นค่อยแนะนำไปทีละกรง 
เจ้ายูนิคอรน์สาวนั้นรู้สึกตัวก็พบว่าตนเองนั้นอยู่ในกรงเสียแล้ว
"ชู่ว เงียบไว้เพื่อนเอ๋ย ตอบข้าว่าเจ้าเห็นอะไร ข้าเป็นเพื่อนขอเจ้านะ"ชายหนุ่มร่างผอมในชุดคลุมสีดำเช่นเดียวกับหมวกทรงกรวยสูงถาม
เจ้ายูนิคอรน์มองไปทีละกรงก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสงสารปนสมเพช"มังกรที่ใครๆเห็นจริงๆก็แค่งูดินตัวหนึ่งก็เท่านั้น คิเมร่าที่น่ากลัวก็แค่สิงโตที่แก่ชราน่ารังเกียจ โอ้ ท่านอย่าให้ข้าพูดเลยมันน่าสมเพชเหลือเกิน แต่มีอย่างหนึ่งที่จริงนั่นคือกริฟฟิน"ในตอนนี้เจ้านกครึ่งสิงโตกำลังคุ้มคลั่งพยายามจะทำลายวงเวทย์ในกรง ชายหนุ่มมองไปยังกรงเจ้าสัตว์ร้ายหน้านั้นซีดลง"โอ้ ยายหญิงแก่นั่นจับเขาได้ตอนหลับเหมือนกับเจ้าไงล่ะ หล่อนยังเสกเนยเป็นครีมไม่ได้ ดีแต่สร้างภาพลวงตาอีกไม่นานเขาก็จะพังกรงออกมาสามสี่วันนี้ข้านอนไม่หลับเลย "
เจ้ายูนิคอรน์สาวรู้ว่าคนตรงหน้าสามารถมองเห็นตนและเขาก็เป็นมิตร"เจ้าคือใครล่ะ"
ชายหนุ่มเริ่มแนะนำตน"ข้าชื่ออันคัส เป็นพ่อมดตัวจริงถึงแม้เวทย์มนต์ยังไม่เก่งกล้านัก คือข้ามีหน้าที่ให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมความจริงมันไม่ใช่หน้าที่พ่อมดตัวจริงแต่ข้าก็ทำได้ไม่ดีนัก"
ชายร่างแคระตะโกนไล่ พ่อมดหนุ่มจึงหันไปบอกลาเจ้ายูนิคอรน์สาว"ไม่ต้องกลัวนะ ข้าอันดัสอยู่ข้างเจ้าเสมออย่าทำอะไรผลีผามล่ะ"พอพอ่มดหนุ่มจากไป ชายร่างแคระหลังค่อมก็นำคนดูมาที่หน้ากรงยูนิคอรน์สาวพลางแนะนำ"นี่คือยูนิคอรน์"จบคำ ผู้คนต่างมุงดูบางรายน้ำตาไหลที่ได้เห็นอาชาขาวมีเขาเดียวงามสง่าเป็นขวัญตาแต่ใครจะรู้บ้างว่าเขาแสงที่เห็นนั้นคือเขาที่นางแม่มดร้ายเสกขึ้น
'ปึก'ซากุระปิดหนังสือพลางถอดแว่นนวดขมับตอนนี้เบาะแสที่มีอยู่คือหนังสือเล่มโปรดของพ่อเท่านั้น ร่างบางเหม่อมองไปนอกหน้าต่างในตอนนี้เริ่มมีหิมะโปรยปรายมันทำให้เธอนึกถึงวันเก่าๆที่เธอมักจะเล่นปั้นตุ๊กตาหิมะกับป้าสองคนมันช่างสุจใจเหลือเกินแต่ในตอนนี้เธอจะมีชีวิตได้อีกไม่นานเธออยากหาตำราต้องห้ามให้เจอเพราะใจหนึ่งอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกใจอยากจะนำมาช่วยเหลือผู้คน ตาสีมรกตเหม่อลอยในหัวนั้นคิดถึงปริศนาที่พ่อให้ไว้ ตอนนี้ทางเดินสำหรับเธอนั้นกลับดูมืดมนเหลือเกินเธออยากย้อนกลับไปในอดีต ซากุระนึกถึงในวัยเด็กเธอมักจะฝันว่าตนเองได้ผจญภัยบนโลกกว้างได้เห็นสิ่งต่างๆมากมายดวงตาคู่งามเริ่มหนักอึ้งเธอจึงเก็บหนังสือใส่กระเป๋าแล้วผล็อยหลับไปในขณะที่รถไฟกำลังแล่นเข้าสู่แคว้นยูกิอันเป็นจุดหมายของเธอ

พันธสัญญาสีดำ ตอนที่ 2 อันตรายที่จ่อหลัง

ทางด้านซากุระ
เด็กสาวหลังจากกลับมาบ้านเอาแต่นอนครุ่นคิดอยู่บนเตียงนุ่มสีเขียวอ่อนและพึมพำเบาๆ
…อะไรน่ะ ไวท์จะดื่มตัวเองได้ยังไงเป็นไปไม่ได้...ประโยคนี้น่าจะเอามาจากหนังสือนิยายแฟนตาซี พ่อเราชอบอ่านหนังสือปะเภทนี้ด้วยน่ะรึ 
เธอรู้แต่ว่า ฉลาด เค้าเก่ง เค้าคือผู้เสียสละ ยอมสละชีวิตเพื่อคนที่อื่น เธอรู้แค่นั้น
แต่ในระหว่างคิดก็ถูกเรียกโดยป้าของเธอ
”ซากุระ มาทำกับข้าวให้ป้าหน่อย”
” ค่า จะลงไปเดี๋ยวนี้”
เธอกระเด้งตัวขึ้น”เอาเถอะค่อยๆคิดก็แล้วกัน”
...
เด็กสาวไม่รอช้ารีบลงมาที่ครัวทันที พฤติกรรมการทำครัวของเด็กสาวนั้นได้อยู่ในสายตาของชายหนุ่มผมดำนาม ซาสึเกะหมด
ทางด้านซาสึเกะ เค้าแอบมาดูเธอที่นี่ ถึงจะต้องรักษาระยะห่างเพราะมีหน่วยลับเพ่นพ่านอยู่ทั่วก็เถอะ
ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยพลางคิด
..เป็นแม่ศรีเรือนจริงๆที่รักของฉัน..
เขานั่งนั่งมองหญิงสาวผู้เป็นที่รักของเขาจากบนต้นพลับห่างจากบ้านของเด็กสาวพอสมควร ชายหนุ่มกำลังจินตนาการว่าเธอกำลังนำข้าวปั้นมาป้อนเขาถึงปากของเขา เมื่อก่อนเขาแอบฝันมาตลอดว่าจะมีชีวิตที่สงบอยู่ด้วยกันกับเธอ มีแค่เธอกับเค้าและลูกๆของเค้า 
แต่แล้วความคิดของเขาก็ถูกขัดขึ้น
”ซากุระกับข้าวเสร็จรึยัง”
”ค่า วันนี้มีข้าวปั้นสมุนไพรและของหวานก็เป็นลูกแพรหวานค่ะ”
ซาสึเกะนั่งดูอยู่นานจนใกล้ค่ำ
…แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่นะที่รัก…
ชายหนุ่มหายตัวไปราวอากาศธาตุ
ทางด้านซากุระ
…ทำไมรู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองเราตั้งแต่ทำกับข้าวแล้วนะ คงคิดไปเองมั้ง…
”เป็นอะไรรึเปล่า”
”เปล่าค่ะ เอ่อ ป้าค่ะ หนูถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่ามาสิ”
“พ่อของหนูเขาเป็นคนยังไงเหรอค่ะ”
ฮารุยทำสีหน้าปั้นยาก
ซากุระหุบยิ้ม"ถ้าไม่สบายใจป้าก็..."
ฮารุยยิ้มหวาน เธอควรจะบอกเล่าให้หลานฟังตั้งนานแล้ว”ก็...จะพูดยังไงดีล่ะ เขาเป็นคนเก่งที่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนที่ตัวเองชอบล่ะนะ”
“จริงเหรอคะ”เด็กสาวรู้สึกตื่นเต้นไม่นึกว่าพ่อตัวเองนั้นจะเป็นคนยังงี้
”ใช่แล้วล่ะซากุระ”
”โห งั้นพ่อคงเนื้อหอมและเก่งมากเลยล่ะ”ก็พ่อของเธออกจะหล่อเหลาปานเทพบุตรแบบนั้นนี่นา
”นั่นก็จริงนะ ป้าจะเล่าให้ฟังล่ะกันนะ…เมื่อก่อนน่ะพ่อเราเขาเป็นเด็กฉลาดมากเลยแหละเป็นที่ชื่นชอบของคุณครูและเพื่อนๆในวัยเดียวกัน แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไรเหรอคะ”
“ก็เป็นที่น่าหมั่นไส้ของพวกนินจารุ่นพี่เลยทีเดียวล่ะ มีครั้งหนึ่งที่ท่านรุ่นสามออกมาเห็นเลยชมใหญ่เลยแหละตอนนั้นท่านพูดว่า’โตแค่ห้าขวบแต่เก่งมากกว่าเกะนินซะอีก’พวกเกะนินพวกที่หมั่นไส้พ่อเราก็รุมทำร้าย ดีที่ป้ากับเพื่อนไปช่วยได้ทันตอนนั้นสะบัดสะบอมเอาเรื่องแต่ไม่สาหัสอะไรแค่ฟกช้ำดำเขียวและแขนขวาเดาะ แต่นั้นก็ทำให้แค้นอาฆาตพวกนั้นมากเลยล่ะ”
”เหรอคะแล้วพ่อเขาล้างแค้นพวกนั้นรึเปล่าคะ”
“ก็โอกาสเริ่มอำนวยสามปีต่อมา ท่านรุ่นสามอยากให้พ่อเราสอบจูนินตอนนั้นปู่กับย่าเราค้านหัวชนฝาเลยล่ะ แต่ก็จำยอมเลยเพราะท่านรุ่นสามขอทั้งที่เพราะอยากเห็นฝีมือ ตอนนั้นเขาก็เจอกับอุจิวะ โซระตอนนั้นยัยนั้นอายุห่างกับพ่อเราตั้งห้าปีแต่เราดันชอบเอามากๆเลยล่ะเพราะได้อยู่ทีมเดียวกัน หลังจากนั้นพอผ่านข้อสอบข้อเขียนและด้านป่ามรณะกว่าจะออกจากป่าชิงคัมภีร์ได้ตั้งสามวัน รอบสามเป็นคัดเลือกไปรอบชิงโดยการต่อสู้ตอนนั้นพ่อเราถูกจับคู่กับ1ใน2เกะนินที่เคยแกล้งเขา”
”ผลเป็นอย่างไงเหรอค่ะป้า”
”รายนั้นโดนพ่อเราอัดซะน่วมปางตายดีนะที่กรรมการห้ามไว้ไม่งั้นเจ้านั่นได้ช้ำในตายแน่เรียกได้ว่าทบต้นทบดอกชำระหนีแค้นครบเซ็ตเลย”
ฮารุยนึกย้อนไปสี่สิบปีก่อนตอนเป็นจูนินแล้วแอบมาดูน้องชายแข่งเข้ารอบชิงในตอนนั้นเป็นแบบตัวต่อตัวการต่อสู้ในตอนนั้นน้องชายของเธอเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะตัวเล็กกว่าเพราะสูงแค่145เอง
’ตุ้บ!!/แค่กๆ’
ร่างเล็กของฮารูชิถูกคู่ต่อสู้เตะกระเด็นจนร่างเล็กกระแทกกับกำแพงสนามแข่งจนกระอักเลือดออกมา
’ไง ไอ้เด็กอ่อนเด่นนักนะแก’
คู่ต่อสู้หยิบมีดคุไนหมายจะจัดการเด็กชายตรงหน้า ภาพนั้นทำให้ฮารุยแทบอยากจะปิดตาแต่ก็ภาวนาขอให้น้องชายพลิกสถานการณ์ได้
’ชิ้ง!/เคร้ง!’
มีดคุไนถูกดาบยาวคู่ที่ยังไม่ถอดออกจากฝักดาบของน้องชายที่หยิบออกมาจากคัมภีร์นินจา ปัดออก ’ตาผมล่ะครับ’ ฮารุชิพูดพลางเหยียดยิ้มชวนเสียวสันหลังจนฮารุยรู้สึกได้ เด็กหนุ่มวัยแปดปีออกตัวหมายจะฟันคู่ต่อสู้ตรงหน้าทำให้คู่ต่อสู้นั้นตกใจตั้งรับไม่ทันเลยโดนดาบคู่ตีหน้าเต็มแรงก่อนจะกระหน่ำด้วยการฟาดหลังซ้ำตีซ้ำอีกหลายทีแล้วตบท้ายด้วยฮารุชิกระโดดยืนบนหลังอีกฝ่ายเต็มแรงจนกระอักเลือดขอยอมแพ้
’แค่กๆหยุดเถอะยอมแพ้แล้ว หยุดเถอะ ขอร้องล่ะ’
ทว่าสายตาของฮารุชินั่นมีแต่ความเย็นชา
’สายไปแล้วล่ะครับ ทีรุ่นพี่รุมรังแกเด็กห้าขวบ สองรุมหนึ่งแถมอีกฝ่ายอายุน้อยกว่าตั้งห้าปีซะด้วย /ตุ้บ/อ้ากกกกกกก’ฮารุชิกระทืบเท้าขวาลงบนหลังอีกฝ่ายเต็มแรง
’ทีงี้มาขอความเมตตามันน่าซ้ำให้ตาย’
’นี่เธอหยุดได้แล้ว’
กรรมการคุมแข่งรีบมาหยุดการแข่งก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายแรง
’ผู้ชนะ ฮารุโนะ ฮารุชิ’
”ป้าคะ ป้าเล่าต่อสิคะ” เสียงหลานสาวได้เรียกสติฮารุยทำให้เธอหลุดจากภวังค์
ฮารุยจึงตัดบท“อ่ะจ้ะไว้เล่าพรุ่งนี้ล่ะกัน ป้าง่วง”
”เหรองั้นคะ หนูอยากรู้จัง ว่าพ่อเขามีหนังสือที่ชอบอ่านบ้างรึเปล่าคะ”
”อ้อ มีนะอยู่ในห้องพ่อเขาน่ะ อยู่ใต้หมอนป้าไม่ได้เอาออกเล่มนั้นพ่อแก รักมาก”
”ค่ะ ป้าไปนอนเถอะ”
”ป้านอนล่ะ”
พอผู้เป็นป้าขึ้นห้องไปนอนแล้วเด็กสาวล้างจานก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องของ พ่อ ภายในห้องนั้นสะอาดเป็นระเบียบเพราะป้ามักจะมาทำความสะอาดเป็นประจำแต่ทุกสิ่งในห้องนี้ยังเหมือนเดิม เธอไม่เคยเข้ามาหรอก ห้องนี้ก็ไม่ต่างจากห้องที่ปิดตาย ไม่เคยเปิดให้ใครใช้
เธอมานั่งที่โต๊ะเครื่อแป้งในห้อง
ถ้าเธอมีผมสีดำ และเป็นผู้ชายล่ะก็ เธอคงจะเหมือนพ่อไม่หยอกแน่ๆ หรือไม่หากเธอมีน้องชาย น้องชายต้องหน้าเหมือนพ่ออีกคนแน่
 ร่างบางมองตรงไปที่เตียงสีขาว ในห้อง ที่เคยเป็นที่นอนของพ่อกับแม่ด้วยแววตาเศร้าสลดตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเจอพ่อกับแม่เลยเคยเห็นแต่ในรูปเท่านั้น
เธอล้มตัวนอนบนเตียงพลางลูบบนเตียงอย่างคิดถึง หากเธอมีพ่อแม่ ชีวิตคงจะมีความสุขกว่านี้สินะ มือเรียวสวย ล้วงเข้าใต้หมอนก็พบหนังสือที่เธอค้นหามันเป็นหนังสือเล่มไม่หนามากแต่ก็ได้รับการรักษาอย่างดีปกหนาสีดำลายอักขระสีขาวหน้าปกมีรูปยูนิคอร์น
‘ยูนิคอร์นตัวสุดท้าย’
เด็กสาวไม่รอช้าเปิดหน้าคำนำของหนังสือ
’กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในยุคตอนที่ยูนิคอร์นได้หายสาบสูญไปจากโลก โดยไร้สาเหตุ แต่ยังโชคดีที่ยังมียูนิคอร์นเหลืออยู่บนโลกที่ใครๆก็ขนานนามมันว่า ยูนิคอร์นตัวสุดท้าย ที่ต่อมาได้เป็นการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่’
”อืม ก็ไม่เลวแฮะ”
เด็กสาวเริ่มอ่านต่อในบทนำ
’ในป่าแห่งหนึ่งที่เงียบสงบ เสียงฝีเท้าม้าสองตัวได้วิ่งผ่านโดยมีสุนัขล่าเนื้อนำทาง พรานสองพ่อลูกนั่งม้ามา พรานผู้เป็นพ่อเริ่มเปรยกลับลูกชาย
…ข้าไม่ชอบบรรยายกาศแบบนี้เลย ในป่าแถบนี้มียูนิคอร์นอาศัยอยู่ทำให้พวกสัตว์ป่านั้นมีเวทย์มนต์ส่วนมากจะใช้เพื่อพรางตัว…
ลูกชายนึกสงสัยจึงหันมาถามพ่อ
…ยูนิคอร์นเหรอ มันมีจริงเหรอ ข้าคิดว่ามันมีแต่ในนิทานซะอีกข้าว่าป่าแห่งนี้ก็เหมือนกับที่อื่นๆน่ะน่า…
ผู้เป็นพ่อจึงย้อนถาม…งั้นทำไมถึงไม่มีฤดูร้อนหรือหิมะตกที่นี้เลยล่ะฮะ ข้าอยากจะบอกให้เจ้าไว้นะ ตราบใดที่ป่าแถบนี้ยังมียูนิคอร์นปกป้องอยู่ เราจะไม่มีเกมส์อะไรให้ล่าอีกเลย…
ลูกชายเริ่มเชื่อจึงพูดตัดบททันที…กลับกันเถอะไปล่าที่อื่นดีกว่า…
ผู้เป็นพ่อเห็นด้วยจึงตกลงก่อนที่ทั้งคู่จะควบม้ากลับผู้เป็นพ่อหันมาเอ่ย
…อยู่ตรงนั้นแหละ เจ้าตัวประหลาด ซ่อนตัวซะก่อนจะถูกจับ โลกนี้ ไม่มีที่สำหรับเจ้าแล้ว อยู่ปกป้องพวกพ้องซะ ขอให้โชคดีนะเจ้าตัวสุดท้าย…
ว่าแล้วพรานสองพ่อลูกก็ควบม้าจากไป แต่มีบางสิ่งที่จ้องมองพรานสองพ่อลูกจนลับสายตาร่างนั้นค่อยๆก้าวออกมาจากป่าทึบเป็นร่างของม้าสีขาว บริสุทธิ์ ท่าทางสง่างามมีเขาสีเงินที่หมุนเป็นเกลียวอยู่กลางหน้าผากดวงตาสีน้ำเงินกลมโตคู่สวยของยูนิคอร์น สลดลงพลางรำพันกับตัวเอง
…ข้าคือยูนิคอร์นตัวเดียวที่นี้ ตัวสุดท้ายเหรอ แล้วตัวอื่นๆล่ะอยู่ที่ไหนล่ะ หรือว่าอาจจะถูกฆ่า เป็นไปไม่ได้พวกเราเป็นอมตะยืนยงดุจท้องฟ้าและพระจันทร์ ทำไมล่ะ ทำไม…
ลมเย็นๆได้พัดมา ขนสีขาวบริสุทธิ์ของยูนิคอรน์สาวได้พลิ้วไสวไปตามลม
ยูนิคอร์นสาวเหม่อมองออกไปบนท้องนภายามราตรีที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ พลางคิด
…ข้าไม่ควรออกป่าเลย แต่ข้าก็อยากรู้ว่าข้าไม่ใช่ ยูนิคอร์นตัวสุดท้าย ข้าอยากรู้ว่าพวกพ้องของข้าอยู่ที่ใด ทำไมสวรรค์ถึงกลั่นแกล้งข้า ทำไมข้าถึงไม่เจอตัวอื่นๆเลยล่ะ…
ตาสีมรกตอ่านต่อไปเรื่อยๆ ที่เธออ่านนั้นเป็นคำรำพึงรำพันของเจ้ายูนิคอร์นตัวสุดท้าย ที่รำพันถึงความเหงา ความเศร้าต่่อสรรพสิ่งในธรรมชาติ ทั้งสายลม สายน้ำ ทุ่งหญ้า ผืนป่า...
”ปึก!!”
เด็กสาวปิดหนังสือทันทีเพราะว่าเริ่มรู้สึกง่วงมาก ซากุระอ่านหนังสือนานพอดูเลยหยิบนาฬิกาในกระเป๋ามาดูเวลา
”ห้าทุ่มแล้วแฮะ นอนดีกว่า”
เด็กสาวเก็บหนังสือไว้ที่เดิมแล้วออกจากห้องไปห้องนอนของตน
...
ทางด้านกลุ่มเหยี่ยว
หลังจากที่ซาสึเกะแอบดูซากุระแล้วเขาก็กลับมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่โทบิได้อธิบายเรื่องที่ซาสึเกะไปสูดอากาศ
”ซาสึเกะ/ท่าน ซาสึเกะค่า”
คารินและซายะต่างตะโกนเรียกแล้ววิ่งไปกอดแขนซ้ายขวาแต่ก็โดนซาสึเกะสะบัดออกอย่างไม่ใยดีทำให้ทั้งคู่ล้มก้นจ้ำเบ้า
”เจ็บจัง คารินเจ็บนะคะท่านซาสึเกะ”
ซายะไม่อ้อนเพราะไม่อยากเจ็บตัว(กลัวซาสึเกะ)
”ฉันจะพักมีอะไรค่อยรายงานพรุ่งนี้”
ว่าแล้วซาสึเกะก็ล้มตัวนอนพิงต้นไม้โดยไม่สนใจใคร ซุยเงสึบ่นใส่
”นี่กะไม่ฟังรายงานเลยรึไงวะ”โทบิพูดขึ้น
”บอกฉันก็ได้”
ซายะจึงรายงาน”ดูเหมือนว่ายัยนี่จะลาพักจากงานนะก็น่าจะประมาณเดือนหนึ่งแต่ดูจากประวัติแล้วยัยนี่ไม่เคยลาพักนานขนาดนี้เลยฉันว่ามันน่าสงสัย”
โทบิจึงถาม”สงสัยรึ”
”ใช่ คนที่เป็นนินจาแพทย์น่ะไม่น่าจะได้หยุดยาวขนาดนี้เลย ยัยนี่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นโรคอะไรเลยด้วยแต่รุ่น5ก็ให้ยัยนี่ลาหยุดยาวอีก ถึงจะเป็นคนสนิทอย่างไงก็ไม่น่าจะให้หยุดยาวขนาดนี้ มันน่าสงสัย”
ซาสึเกะขมวดคิ้วคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้น
”เอางี้ พรุ่งนี้พวกเราจะคอยพลัดกันจับตาดูยัยนั่น ถ้ามีอะไรผิดสังเกตให้มารายงานที่ฉัน”
”ตกลง/รับทราบค่า/โอเค”
”งั้นทุกคนพักผ่อนก่อนเถอะ”
โทบิสรุป ทั้งหมดต่างหามุมพักผ่อนโดยที่ซาสึเกะได้แยกไปนอนอีกที่เพราะไม่อยากให้คารินและซายะมารบกวนตอนหลับ
...
รุ่งเช้า ณ บ้านของซากุระ
ร่างบางของเด็กสาวผมสีซากุระนอนอยู่บนเตียงนุ่มอย่างสบายใจโดยไม่นานเสียงของนกน้อยที่ส่งเสียงแข่งกันนั้นทำให้เธอตื่นขึ้น ร่างบางบิดขี้เกียจไปมาสองสามที
”ซากุระ กินข้าวได้แล้วลูก”
เด็กสาวขานรับ
”ค่า”
ซากุระเดินเข้าไปแปรงฟันล้างหน้า มือบางเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูสีขาวมาซับใบหน้าพลางส่องกระจก
”…สัญญา…”เสียงแห้บทุ้มของชายชราดังขึ้น
”อ๊ะ”
เสียงปริศนาทำให้เด็กสาวตกใจหันหลังไปมอง ก็ไม่พบอะไรจึงตัดสินใจลงไปทานข้าวเช้า
“อ้าวซากุระนอนไม่พอรึไงนะหน้าซีดเชียว”
เด็กสาวส่ายหน้า
”ไม่มีอะไรค่ะ อ้อ หนูอิ่มแล้วเดี๋ยวหนูขอตัวไปอ่านหนังสือก่อนนะ”
ฮารุยอดไม่ได้ที่แซว
”ฮั่นแน่ ชอบอ่านหนังสือของท่านปู่ด้วยเหรอ เล่มนั้นน่ะเป็นของที่ท่านปู่มอบให้พ่อเราเชียวนะรักษาดีๆล่ะ ป้าไปจ่ายตลาดก่อนนะ”
”ค่ะ”
ซากุระรีบวิ่งขึ้นมาบนห้องนอนของพ่อกับแม่แล้วหยิบหนังสือมาอ่านอีกครั้งเธอไล่หน้ากระดาษไปจนกระทั่งเธอเจอหน้าที่เธออ่านค้างไว้
....
…ยูนิคอร์นสาวนอนทบทวนความคิดของตนอยู่เนินนานจนกระทั่งมันได้ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดแล้วว่าจะออกตามหาพวกพ้องของตน ทางออกจากป่าเหล่าสัตว์ทั้งหลายได้มารออยู่เพื่อห้ามไม่ให้ยูนิคอร์นสาวจากไป แต่ว่ามิอาจห้ามการตัดสินใจของยูนิคอร์นสาวได้ ยูนิคอร์นสาวตัดสินใจเด็ดขาดจึงเร่งฝีเท้าออกจากป่าทันที
…ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด…
วันเวลาผ่านไป
หลายวัน เจ้ายูนิคอร์นสาวก้ยังหาเบาะแสของพวกพ้องตนไม่เลย มันรู้สึกเหนื่อยล้าเมื่อเห็นต้นไม้ใหญ่อยู่ไม่ไกลด้วยความเหหนื่อล้าเจ้ายูนิคอร์นสาวจึงล้มตัวนอนใต้ต้นไม้ใหญ่ด้วยความอ่อนล้า
“ปึก!”
ซากุระตัดสินใจปิดหนังสือเล่มหนาทันที ก่อนจะบ่น
”เยอะจังเลย - 3 – สามวันจะอ่านหมดไหมนะ”
เด็กสาวคิดในใจ
…ไม่นึกเลยว่าพ่อเรานี่ชอบอ่านหนังสือแบบนี้ด้วยแฮะ…
”ออกไปเดินเล่นดีกว่าร่างบางลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเก็บหนังสือเข้าที่เดิม เธอกลับที่ห้องแล้วหวีผมให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้านโดยไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าตังค์ของตนมาด้วย(ไม่งั้นเดี๋ยวไม่มีตังค์กินขนม อิ อิ:ซากุระ)
ซากุระตัดสินใจไปที่ห้องพักที่หอพักนินจาแพทย์ความจริงเธอเองก็มีบ้านอยู่แต่เพราะว่าบางครั้งตัวเธอมีงานรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลบางครั้งก็ถูกเรียกตัวมากลางดึกทำให้ต้องมาเช่าหอพักใกล้โรงพยาบาลเพื่อความสะดวกโดยวันหยุดเธอก็จะกลับไปอยู่กับป้า
ระหว่างทางที่เด็กสาวผมสีชมพูอ่อนกำลังเดินทางไปนั้น
“ซากุระจางงง!!!!”
เสียงเรียกนั้นทำเอาซากุระต้องหันไปมองด้วยสายตาหน่ายๆก่อนจะเท้าสะเอวถาม
”มี’ไรยะ นารุโตะ”
เด็กหนุ่มผมทองผิวแทนตาสีฟ้ามีขีดสามขีดที่แก้มทั้งสองข้างบิดตัวอย่างเอียงอาย
”คือว่า ฉันอยากเดตกับฮินาตะน่ะนะแต่ว่าโดนเนจิขว้างน่ะ เพราะงั้นเธอช่วยฉันหน่อยนะ”
ตบท้ายด้วยการที่นารูโตะทำหน้าอ้อนสุดฤทธิ์ร่างบางพ่นลมหายใจอย่างเซ็ง
”เก็บลูกไม้นี่ไว้ใช้กับฮินาตะเถอะย่ะ ช่วยก็ได้ย่ะ”
“จริงเหรอๆๆ”
รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนดวงหน้างามทำเอานารูโตะเสียงสันหลังวูบๆเพราะรู้ว่าเพื่อนสาวของตนไม่เคยทำอะไรแล้วไม่หวังผลตอบแทนเลยสักครั้ง เด็กหนุ่มกลืมน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างลำบาก
”นายจ่ายชั้นมาพันเรียวเดี๋ยวฉันจะช่วยจัดการเนจิเอง”
จบคำของเด็กสาว หน้าของเด็กหนุ่มผมทองซีดลงแล้วเหงื่อตกพลางก้มลงดูที่กระเป่าตังค์ของตน
…ตายล่ะหว่า…คราวนี้ได้กินแกรบแน่…
ซากุระเห็นกิริยาแบบนั้นก็อดขำไม่ได้
”ฮิๆฮิๆนายคิดจะเดตทั้งๆที่ตัวเองบ่อจี๊เนี่ยนะ คุๆคุๆ”
หน้านารูโตะตอนนี้จ๋อยอยู่แล้วก็ยิ่งจ๋อยเข้าไปอีก ซากุระเห็นอย่างนั้นจึงเข้าปลอบ
”โถ่ อย่างทำหน้าเป็นตูดหมาสิ ฮึ! ฉันไปล่ะ ฉันกะจะไปทำความสะอาดห้องพักซะหน่อย”
พอร่างบางหันกลับไปยังจุดหมายแต่นารูโตะก็เดินมาขว้างทาง
”ซากุระจังช่วยฉันหน่อยเถอะนะๆ”
ซากุระเบี่ยงหลบพร้อมหันหน้ามาขู่
”ฉันไม่ใช่พวกที่มีเวลาว่างมากนักนะ”
ซากุระนึกย้อนไปเมื่อสมัยก่อนนารูโตะมักจะตื้อเธอให้ไปเดตด้วยจนสุดท้ายเธอต้องปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมเตือนสติให้นารูโตะหันไปมองฮินาตะบ้างเพราะว่าเธอรู้ดีว่าฮินาตะนั้นหลงรัก นารูโตะมานานแล้วอีกอย่างตัวเธอนั้นยังไม่อยากรักใครด้วยเพราะเธอรู้ตัวดีว่าเธอคงอยู่ได้ไม่นาน ร่างบางเหม่อมองไปยังท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งสายลมได้พัดมาเบาๆทำให้ผมสีชมพูปะบ่าพริ้วไหวไปตามแรงลมรอยยิ้งบางๆผุดขึ้นบนดวงหน้าหวาน
…ฉันจะเป็นแพทย์ที่เก่งได้สักครึ่งหนึ่งของพ่อบ้างไหมนะ…
พอซากุระไปยังห้องพักเธอก็เริ่มทำความสะอาดห้องทันที
...
ผ่านไปชั่วโมงกว่า
ร่างบางยกมือปาดเหงื่อ ก่อนจะมองห้องพักของตนที่ตอนนี้ถูกจัดเป็นระเบียบและสะอาดแล้ว
“เฮ้อหิวแล้วไปกินราเม็งดีกว่า”
จู่ๆก็มีข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือของเธอ
‘คุณซากุระค่ะ ช่วยออกมาเจอฉันที่ร้านอาหารอิตาลีที่ย่านการค้าโคโนฮะ ตอนบ่ายโมงครึ่งหน่อยค่ะ เจอกันตรงที่นั่งหลังสุด’
ร่างบางกระตุกยิ้มนิดๆ
…งานนี้คงต้องปลอมตัวกันหน่อย…
ย่านการค้าของโคโนฮะ
สายตาทุกคู่ได้มองมาที่เด็กสาวผมลอนสลวยสีทองตัดสั้นปะบ่าเธอสวมหมวกทรงเค้กสีทราย สวมแว่นกันแดดแฟชั่นสีหวานขอบขาวอันโตมันปิดใบหน้าของเธอเกือบครึ่ง และสวมชุดเดรสสายเดี่ยวสีกุหลาบ และสวมแจ๊คเก็ตหนังสีน้ำตาลทับอักที คู่กับรองเท้าบู๊ทสีดำ มีกระเป๋าสะพายใบเล็กๆสีน้ำตาลสะพาย ริมฝีปากนั้นเคลือบลิปสติกสีแดงสดตัดกับผิวขาวๆทำให้เธอดูเป็นสาวเปรี้ยวน่ารัก
เธอตรงไปยังร้านอาหารอิตาลี ก่อนจะเลือกนั่งตรงที่หลังสุดและหยิบเมนูมาสั่งอาหารกับพนักงาน
“เอาทิรามิสุที่1ค่ะ”
“ครับคุณหนู”
พอลับร่างของพนักงาน
ก็มีเด็กสาวผมหน้าม้าตาสีไข่มุกเดินสวนมาก่อนจะมองมาที่เธออย่างงุนงง
“เธอเป็นคนนัดฉันเองนะ ฮินาตะ นั่งก่อนสิ”
“คุณซากุระเองเหรอคะ เล่นแต่งซะฉันจำแทบไม่ได้เลยนะคะ”
“หึๆ พอดีฉันอยากจะเล่นปลอมตัวกับเขาบ้างน่ะนะ”
“ทีรามิสุที่สั่งไว้ได้แล้วครับ”
พนักงานหนุ่มวางขนมหวานลงตรงหน้าหญิงสาวแล้วเดินออกมา
ซากุระยื่นเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะส่งให้ฮินาตะ”สั่งอะไรหน่อยสิ ทีรามิสุร้านนี้อร่อยใช้ได้เลย”
“อ่ะค่ะ แต่ตอนนี้ฉันกำลังไดเอ็ดอยู่น่ะค่ะ แต่คุณซากุระเนี่ยไม่กลัวอ้วนเลยนะคะ”
ตาสีมรกตภายใต้แว่นกันแดดสีชาจ้องมองอาการของอีกฝ่ายก่อนจะถาม”เธอคงไม่ได้มาชวนฉันมาทานขนมหรอกนะ” “คะ…คือว่าฉันอยากให้นารูโตะมาชอบฉันบ้างน่ะค่ะ ช่วยแนะนำฉันหน่อยได้ไหมคะ” ซากุระยิ้มบางๆ”ฮินาตะ ถ้าคนเราจะรักใครซักคนหนึ่งเราสามารถเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนที่เรารักได้นะแต่ คนที่รักเราจริงน่ะต้องรักในตัวตนที่แท้จริงของเรานะเพราะฉะนั้นฉันคงแนะนำได้ว่าเป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่สุดแล้ว ฉันกลับล่ะ”ว่าแล้วเธอก็วางเงินค่าขนมไว้บนโต๊ะแล้วเดินจากไปทิ้งให้หญิงสาวตาสีไข่มุกนั่งอยู่คนเดียว ในตอนนี้ซากุระกำลังร้องเพลงเดินเล่นอย่างสบายอารมณ์ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนตอนที่เธอทำอาหารนั้นรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองตลอดเธอเลยอยากจะลองปลอมตัวดู
“เล่นอะไรของเธอน่ะ ซากุระ”เสียงหนึ่งร้องทักจากด้านหลัง
หญิงสาวหันมา”กาอาระเองเหรอ”
เบื้องหน้าของเธอคือ ซาบาคุโนะ กาอาระ ชายหนุ่มผมสีแดงเพลิง ผิวขาวตาสีเขียวมรกต ขอบตาดำและอักษรคำว่ารักและแบกน้ำเต้าอันใหญ่นั้นเป็นเอกลักษณ์ หญิงสาวเอ่ยพลางยิ้ม”แต่งขนาดนี้ยังจำได้เก่งจัง”
อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ“ทำไมฉันจะจำเสียงเธอไม่ได้ล่ะ ได้ยินว่าเธอลาหยุด อาการมันกำเริบหรือยังไง”
หญิงสาวส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยลอยๆ” รู้ไหมฉันน่ะเตรียมใจที่จะตายมานานแล้วแต่มันเหมือนมีสิ่งที่ติดค้างในใจฉัน “
“สิ่งติดค้างอะไรเหรอ”ชายหนุ่มถาม
“ ไม่รู้สินะ แต่กว่าจะรู้ท่านซึนาเดะคงรักษาฉันหายแล้วล่ะนะ ฮ่ะๆ”
กาอาระเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด”ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมาช่วยฉันเธอคงไม่ต้องเป็นแบบนี้”
หญิงสาวตบบ่าของชายหนุ่มเบาๆ”อย่าคิดมากน่า ทุกปัญหายอมมีทางออก ฉันไปล่ะ บาย”
ร่างบางโบกมือลาหนุ่มผมแดงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ร่างสูงเอ่ยด้วยความเป็นห่วง”ระวังตัวด้วย”
ร่างบางหันมายิ้มให้ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งไว้แต่เพียงชายหนุ่มที่มองเธอด้วยสายตาเป็นห่วง ระหว่างทาง
ซากุระมองมือขวาของตนพลางนึกถึงเมื่อครั้งที่เธอไปหาท่านผู้เฒ่าจิโกะ นักทำนายแห่งซึนะงาคุเระเพื่อขอให้ช่วยเธอ คำพูดที่ท่านย้ำบอกเธอไว้ว่า’ทุกสิ่งย่อมสามารถพลิกพลันได้เสมอ’
ลมเย็นๆได้พัดมาร่างบางตัดสินใจที่จะเดินไปป่าทางทิศเหนือของหมู่บ้าน สักพัก หญิงสาวรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไล่ตามเธอแต่เธอพยายามสงบใจให้ตัวเองเดินไปตามปกติ
…ใครน่ะ…
เมื่อเดินไปได้สักพักร่างบางจึงตัดสินใจแอบชักมีดคุไนที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นๆ”ไม่จำเป็นต้องซ่อนหรอกออกมาเถอะ”
ว่าแล้วเธอค่อยๆถอดหมวกแล้วดึงวิกผมทองออกผมสีชมพูหวานปะบ่าตกลงมาแทน แล้วเก็บของเข้ากระเป๋าสีน้ำตาลใบเล็กเธอถอดแว่นกันแดดสีชาอันโตออกแล้วใส่กระเป๋าสีน้ำตาลใบเล็กแล้วหันไปประจันหน้ากับผู้ที่แอบสะกดรอยตามเธอมา ผู้ที่สะกดรอยตามเธอมานั้นเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งคนหนึ่งเธอพอจำได้ว่าชื่อซุยเงสึหนึ่งในทีมเหยี่ยวของซาสึเกะกับหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้ง ซากุระเอ่ยเล่นพลางฉีกยิ้ม”แหม เราอุตสาห์ปลอมตัวเป็นแหม่มผมทองแล้วนะยังอุตสาห์แอบตามมาอีกนะ มีธุระอะไรกับฉันเหรอ”
 หญิงสาวผิวน้ำผึ้งชักดาบคาตานะออกมาพลางขู่”มากับเราซะดีๆแล้วจะไม่เจ็บตัว”
ชายหนุ่มผมสีฟ้าเอ่ยอย่างเป็นมิตร”มาเถอะพวกเราไม่ทำอะไรเธอหรอกนะ คนสวย บอกตรงๆเลยนะว่า ผมสีชมพูเนี่ยเข้ากับเธอมากกว่า”
“ขอบใจ แต่ฉันไม่มีความจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของพวกแกหรอกนะ”
จบคำ สาวผิวน้ำผึ้งเข้าจู่โจมทันที ซากุระทำเพียงแต่หลบการโจมตีนั้นอย่างสบายๆ”ถามอะไรหน่อยสิ ว่า…มีธุระอะไรกับฉัน เธอช่วยบอกฉันหน่อยสิ”
สาวผิวน้ำผึ้งอ้าปากเตรียมจะพูดแต่หนุ่มผมสีฟ้าเอ่ยขัดซะก่อนพลางชักดาบใหญ่เข้ามาจู่โจม ”เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”
ซากุระตัดสินใจรวบรวมจักระไว้ที่เท้าของตนแล้วกระทืบลงพื้นส่งผลทำให้พื้นดินแตกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้สาวผิวน้ำผึ้งต้องใช้ดาบของตนปัดป้องเศษหินที่แตกกระจายหากแต่หนุ่มผมสีฟ้านั้นยังคงพุ่งเข้าไปหาร่างบางของซากุระ ร่างบางกระโดดหลบออกทางด้านข้างทันก่อนจะกำหมัดต่อยที่ท้องของอีกฝ่ายหากแต่ว่าหมัดของเธอกลับทะลุร่างของชายหนุ่ม
…นินจาน้ำเหรอ…งั้นก็ต้อง…
ร่างบางรีบชักมือกลับพร้อมกระโดดถอยออกมาแล้วหยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าสีน้ำตาลใบเล็ก สิ่งนั้นเป็นเม็ดยาสีขาวขนาดเล็กใส่ปากตนแล้วกลืนลงคอไปแล้วประสานอิน
”ตัดสายฟ้า!”
มือขวาของหญิงสาวก็มีสายฟ้าสีขาวออกมาแล้วก่อตัวเป็นรูปนกนางแอ่นพุ่งเข้าใส่หนุ่มผมสีฟ้าทำเอาชายหนุ่มโดนสายฟ้านั้นเข้าจังๆทำให้ร่างของเขาทรุดลง ซุยเงสึพึมพำ”ยัยนี่ใช้คุณสมบัติสายฟ้าได้ด้วยเหรอ”
ซากุระเอามือกุมแขนขวาทันที”ชิ แย่จริง”
เธอตัดสินใจถอยออกไปตั้งหลักก่อนพร้อมใช้คาถาแพทย์รักษาแขนขวาไปพลาง ทางด้านซายะตอนนี้ตัดสินใจเก็บดาบเข้าฝักแล้วหยิบดาวกระจายออกมาสองอันแล้วปาออกไปทำให้ซากุระต้องกระโดดหลบหากแต่ดาวกระจายกลับตามเธออย่างไม่ลดละ
…ดาวกระจายติดเส้นลวดรึ…
ซากุระหยิบดาวกระจายปาสกัดไว้แล้วถอยออกมาเพื่อรักษาระยะห่าง ซุยเงสึพุ่งเข้ามาหมายจะจัดการ สาวผมสีชมพูอ่อน ร่างบางเตรียมยกแขนขึ้นมาป้องกันตัวฉับพลันโล่ทรายก็ปรากฏเป็นเกาะกำบัง เม็ดทรายจำนวนมากมายเข้าโอบล้อมร่างบางแล้วดึงตัวเธอออกมา
”กาอาระ”
ซากุระร้องเรียกอย่างยินดีตอนนี้เธออยู่ด้านหลังของคาเสะคาเงะหนุ่มแล้วร่างสูงอดไม่ได้ที่จะบ่นใส่”เธอเนี่ยจริงๆเลยไม่ระวังตัวเลยจริงๆ ชอบทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงอยู่เรื่อย”
”บ่นอยู่ได้”ร่างบางทำหน้ามุ่ย”เดี๋ยวก็แก่ไวหรอกนะ”
หนุ่มผมแดงสบถลงในลำคอ“หึ ก็เธอชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อยนิ”ว่าแล้วร่างสูงก็ประสานอิน”กระสุนทราย”
กระสุนทรายจำนวนมากพุ่งโจมตี ซุยเงสึและซายะทำเอาทั้งสองต้องหลบ ซายะเห็นท่าไม่ดีจึงหันมาหาซุยเงสึที่ตอนนี้เอาดาบใหญ่ขึ้นมาป้องกันกระสุนทราย ”ซุยเงสึฉันว่าตอนนี้เราถอยก่อนเถอะ”
“ก็ดี ไม่งั้นพวกโคโนฮะมันแห่มาอีกแน่”ว่าแล้วทั้งสองก็กระโดดหายตัวไปทันที
หลังจากที่สองสมาชิกทีมเหยี่ยวหายตัวไปแล้วนั้น กาอาระหันหน้ามาถามร่างบางที่อยู่ข้างหลัง ”บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“ถ้าบอกว่าไม่เจ็บฉันก็โกหกแล้วล่ะ”
“ตรงไหน”ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“แขนขวาน่ะเพราะใช้วิชาตัดสายฟ้าน่ะ ขนาดครูภัคลักจำนะเนี่ยแย่เลย”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างงุนงง”เธอใช้คุณสมบัติสายฟ้าได้ด้วยเหรอ”
หญิงสาวส่ายหน้า“เปล่า ฉันกินยาเสบียงศึกแปลงคุณสมบัติจักระน่ะ เลยใช้ได้แต่เล่นเอาแขนข้างนี้เกือบแย่เลยนะ”
“ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้าง”
“ตอนนี้ใช้วิชาแพทย์รักษาอาการค่อยดีขึ้นแล้วแต่ยังปวดหนึบๆอยู่เลยน่ะ ทายาหน่อยก็คงหายแล้ว”
ชายหนุ่มจับข้อมมือข้างที่ไม่เจ็บของหญิงสาวและพูดขึ้น”ไปบอกท่านโฮคาเงะรุ่น5เถอะ พวกเหยี่ยวเข้ามาทำร้ายเธอถึงในหมู่บ้านอย่างนี้”
”อย่าเลย ฉันไม่อยากให้อาจารย์เครียด ท่านมีเรื่องให้หนักสมองพอแล้ว”
หากแต่ชายหนุ่มไม่ฟังกลับรวบตัวร่างบางขึ้นบ่าแล้วบ่นอุบ”หนักชะมัด หัดไดเอ็ดบางสิ” 
หญิงสาวฉุนกึกพลางดิ้น“โทดนะที่ฉันตัวหนักปล่อยฉันลงนะ ปล่อยๆ”
“หยุดดิ้นได้ไหม ถ้าเธอยอมไปรายงานเรื่องนี้กับโฮคาเงะรุ่น5ดีๆฉันจะปล่อยไม่งั้นฉันพาไปทั้งยังงี้ไม่รู้ด้วย"
เมื่อเจอไม้นี่เธอก็จำยอมก่อนจะพ่นลมหายอย่างหน่ายๆกาอาระยอมปล่อยเธอลง
"รอแป๊ป"ซากุระหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดลิปสติกออก"ไปกันได้แล้ว"
 ห้องทำงานของโฮคาเงะ
ตอนนี้ซึนาเดะกำลังนั่งจิบสุราอย่างสบายใจไม่มีใครมากวนโดยเฉพาะคนสนิทอย่างชิสึเนะ
'ก๊อกๆ'เสียงเคาะประตูดังขึ้น ความสุขในการจิบสุราหมดลงในทันใด
โฮคาเงะรุ่นห้าถามเสียงขุ่นๆ"ใคร"
"หนูเองค่ะ ซากุระ"
"เข้ามา"
เมื่อผู้เป็นอาจารย์อนุญาติแล้วทั้งซากุระและกาอาระก็เดินเข้ามา กาอาระเล่าเรื่องที่ซากุระโดนพวกเหยี่ยวลอบทำร้ายทำเอาซึนาเดะสร่างเมาทันทีก่อนจะเอามือกุมขมับคิดอย่างหนักใจ ซากุระเองก็หนักใจเช่นกันจะว่ากาอาระก็ไม่ได้เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายหวังดีกับตนและแล้วความคิดบางอย่าง"อาจารย์หนูมีความคิดดีๆค่ะ"
"อะไรรึ ซากุระ"ซึนาเดะเงยหน้ามาถาม
ซากุระตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ"หนูกับป้าไปอยู่แคว้นยูกิสักพัก"
กาอาระแย้งทันที"ไม่ได้นะ!ขนาดอยู่ในหมู่บ้านพวกมันยังกล้าทำร้ายเธอแล้วถ้าถ้าไปแคว้นยูกิไม่แย่กว่าเดิมเหรอ"
ร่างบางส่ายหน้า"ฟังให้จบก่อนสิ ฉันกะจะชวนคนอื่นๆไปด้วย ไปกันเยอะๆพวกนั้นคงทำอะไนบุ่มบ่ามหรอก"
ผู้เป็นอาจารย์พยักหน้าเห็นด้วยหากแต่คาเสะคาเงะหนุ่มกลับรู้สึกกังวล
ซึนาเดะตัดบท"เอาล่ะๆความคิดนี่ก็ไม่เลว ไปสิ อ้อ แล้วอย่าลืมของฝากล่ะขอเป็นสาเกนะ"
"ค่า อาจารย์"ลูกศิษย์สาวรับคำก่อนจะโค้งเคารพแล้วเดินออกไป เหลือแต่คาเงะทั้งสอง
กาอาระถามเสียงขุ่น"แบบนี้จะดีเหรอครับ"
"ดีสิ ป้าของเด็กคนนั้นเป็นถึงอดีตยอดมือสังหารของหมู่บ้านเราเลยนะ และยิ่งไปเยอะๆก็ยิ่งดี ถ้าเธอเป็นห่วงเค้าก็ตามไปด้วยสิถือซะว่าเปลี่ยนบรรยากาศบ้างที่แคว้นยูกิน่ะหนาวมากพอดูเลย"ว่าแล้วซึนาเดะก็จิบสุราต่อ
"ครับ งั้นผมขอตัว"ผู้อ่อนวัยกว่าโค้งเคารพก่อนจะเดินออกไป
ทางด้านซากุระ
ตอนนี้กำลังเดินกลับบ้านพลางกดโทรศัพท์ส่งข้อความชวนเพื่อนๆของตน "รอก่อนสิซากุระ"เสียงของกาอาระดังมาแต่ไกล
"อ๊ะ!กาอาระมีอะไรเหรอ"เธอละจากโทรศัพท์หันมาถามชายหนุ่มที่เดินตามหลังตน
ชายหนุ่มถาม"คือ..ไปแคว้นยูกิน่ะ..ชะ..ชั้นขอไปด้วยได้ไหม"
ซากุระถาม"งานที่ซึนะล่ะ"
"ฝากคันคุโร่ก็ได้ ฉันเองก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างน่ะนะ"ชายหนุ่มยิ้มตอบ
หญิงสาวยิ้มรับ"ได้สิ ว่าจะชวนคุณเทมาริไปด้วย ไปกันเยอะๆสนุกดี"
"เธอจะไปไหนต่อเหรอ"กาอาระถาม
"กลับบ้านน่ะกะไปบอกป้าแล้วเตรียมของด้วย"พูดจบเธอก็พิมพ์ข้อความต่อ
ชายหนุ่มอาสา"งั้นฉันไปส่ง"
หญิงสาวไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเพียงเเต่เดินต่อไปโดยมีชายหนุ่มผมแดงเดินข้างๆ
...
ทางด้านกลุ่มเหยี่ยว
ซุยเงสึกับซายะกลับมารายงานความล้มเหลวให้ซาสึเกะ โทบิบ่น"พวกเธอทำพลาดแล้วล่ะแบบนี้โอกาสที่จะจับตัวเด็กนั่นน่ะยากขึ้น"
ซุยเงสึพูดขึ้น"แต่ฉันไม่ยักรู้ว่ายัยนั่นจะใช้คุณสมบัติจักระสายฟ้าได้"
ซายะเสริม"นั่นสิ ใช้ได้เก่งเลยถึงกับสามารถเปลี่ยนเป็นรูปร่างได้อิสระแบบนั้นแต่ยัยนั่นเองก็มีอาการบาดเจ็บที่แขนข้างที่ใช้ตัดสายฟ้า"
ซาสึเกะเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถาม"เป็นไปไม่ได้หรอก ซากุระเป็นพวกที่ถนัดคาถาภาพลวงตามากกว่า ไม่น่าจะใช้คุณสมบัติสายฟ้าได้"
โทบิพูดขึ้น"น่าจะเป็นยาเปลี่ยนคุณสมบัติจักระล่ะมั๊ง มันไม่ใช่ยาที่จะทำกันได้ง่ายๆเลยแม้แต่โฮคาเงะรุ่นห้า แค่วิธีทำก็ยากมาก แต่ก็ให้ผลดีพอสมควรเลยทีเดียว แต่พวกเธอก็น่าจะจับเด็กนั่นมาได้นะ"
ซายะบ่น"ก็มีคาเสะคาเงะมาช่วยด้วยนี่นา ถ้าขืนพวกเราสู้ต่อมีหวังพวกโคโนฮะมันแห่มาแน่"
โทบิบ่นใส่"อย่างน้อยก็น่าจะจัดการจับมาตอนที่ยังไม่ใครมาช่วย"
ซุยเงสึพูดบ้าง"หึ!แค่ลำพังยัยนั่นก็ร้ายเอาเรื่องเผลอๆถ้าสู้ต่อพวกเราเนี่ยแหละจะแย่"
คารินเยาะเย้ย"พวกแกอ่อนเองมากกว่าล่ะมั๊ง"
ซายะสวนกลับ"ถ้าเก่งจริงลองสู้กับฉันให้ชนะก่อนเถอะ ยัยปลิงแดง"
คารินตวาตกลับ"แกอยากหาเรื่องเหรอ"
ซายะเอาดาบคาตานะของตนฟาดหน้าคารินทันที ทำให้สาวผมแดงกระเด็นไปตามแรงฟาด
คารินลุกขึ้นเพื่อจะโต้คืนหากแต่"หยุดแค่นี่แหละ ทั้งคู่เลย"โทบิตวาดทำเอาสองสาวต้องหยุดทันทีซาสึเกะหันมาตำหนิคาริน"เธอน่ะ หัดเก็บลิ้นไว้บ้างคงไม่ตายหรอกนะ ที่สำคัญตอนนี้เราต้องหาทางเอาตัวยัยนั่นมาให้ได้"
คารินสบถทันทีในขณะที่ซายะยิ้มอย่างมีชัย
โทบิพูดขึ้น"ตอนนี้เราคงทำได้แต่เพียงจับตาการเคลื่อนไหวของเด็กคนนั้นไปก่อนก็แล้วกัน"
ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
...