วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562

พันธสัญญาสีดำ ตอนที่ 3 หลี้ภัย

กาอาระเดินทางมาส่งซากุระถึงบ้าน กาอาระสังเกตว่าบ้านของหญิงสาวนั้นห่างไกลจากในหมู่บ้านมากแต่เป็นบ้านสองชั้นและเรียบง่ายมีรั้วเล็กๆ
ซากุระเดินเข้าไปเปิดประตู"กลับมาแล้วค่า"ก่อนจะหันมาพูดกับชายหนุ่ม"เข้ามานั่งพักก่อนนะ"
ชายหนุ่มพยักหน้าพลางเดินตามหญิงสาวเข้าไป เธอพาเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย"สงสัยป้าไปซื้อของแน่เลย"
กาอาระเข้ามานั่งบนโซฟาสีเขียวอ่อนเข้ากับโต๊ะกาแฟไม้มีแจกันใบเล็กใส่ดอกไม้ประดับในขณะที่ซากุระไปในครัวเตรียมชงชาให้แขก
ไม่นาน หญิงสาวก็ออกมาพร้อมถาดใส่ถ้วยชาสองถ้วยพร้อมกับขนมโมจิแล้วเสริฟลงบนโต๊ะ
กาอาระถาม"เธออยู่กับป้าสองคนเหรอ"แล้วยกชาขึ้นจิบ
"อืม"หญิงสาวตอบรับสั้นๆก่อนจะยกชาขึ้นจิบ
"แล้วพ่อแม่เธอล่ะ"ชายหนุ่มถามต่อ
ซากุระตอบเสียงเรียบ"พ่อเสียตั้งแต่ฉันยังไม่เกิดเลยส่วนแม่เองก็เสียตั้งแต่คลอดฉันออกมาเพราะคลอดก่อนกำหนดสองเดือนและเสียเลือดมากเกินน่ะ"
กาอาระแปลกใจกับกิริยาของซากุระมาก"ทำไมเธอไม่เศร้าเลยล่ะ"
ซากุระที่กำลังเคี้ยวขนมอยู่นั้นกลืนลงคอก่อนจะตอบ"เศร้าไปร้องไห้ไปก็ไม่ช่วยให้ท่านทั้งสองฟื้นขึ้นมาหรอกอีกอย่างถ้าฉันมั่วแต่ร้องไห้ขี้มูกโป่งล่ะก็พ่อกับแม่ที่อยู่บนสวรรค์คงไม่สบายใจแน่ แต่ถ้าถามว่าฉันเสียใจและคิดถึงท่านทั้งสองไหมก็ต้องบอกว่าทั้งเสียใจและคิดถึงมากเลยล่ะ"
ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ"แต่ดูเธอปลงกับเรื่องนี้มากเลยนะ"
หญิงสาวตอบเสียงใส"ใช่แล้วล่ะเพราะทุกชีวิตย่อมต้องตายอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมชาติ มันขึ้นอยู่กับว่ามันจะเกิดช้าหรือเร็วก็เท่านั้นแหละแต่ก็นะสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการใช้ชีวิตล่ะ"
กาอาระเอ่ยด้วยเสียงเศร้า"ถ้าไม่ใช่เพราะเธอไปช่วยหมู่บ้านฉันล่ะก็เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นหรอก"
หญิงสาวเอนหลังบนโซฟาอย่างสบายๆ"อย่าโทษตัวเองเลยนะ กาอาระ ตอนนี้เราก็ต้องหาทางรักษาอักขระให้ได้น่ะ อีกอย่างท่านผู้เฒ่าจิโกะก็บอกว่าทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงได้นะ อย่าลืมสิ"
แต่ยังไม่ทันที่สองหนุ่มสาวจะคุยอะไรต่อ ฮารุยก็กลับมาแล้ว "อ้าว ซากุระกลับมาแล้วมีแขกรึวันนี้"
ซากุระรีบเข้าไปช่วยป้าถือของเข้าบ้าน ผู้เป็นป้าถาม"เพื่อนรึ"
"ค่ะ ป้าหนูว่าเราไปเที่ยวแคว้นยูกิกันดีไหมท่านซึนาเดะให้หนูหยุดตั้งเดือนหนึ่งแน่ะ แล้วตอนนี้หนูก็ชวนเพื่อนคนอื่นไปกันแล้วด้วยนะค่ะ"
ทำเอาผู้เป็นป้าเหงื่อตกแต่ก็มีรอยยิ้มผุดที่ใบหน้า"ปฏิเสธไม่ได้เลยนะ ตกลง ไปกันพรุ่งนี้เลยดีไหม"
หลานสาวตัวแสบโผเข้ากอดทันที"หนูรักป้าที่สุดเลย เดี๋ยวจะส่งข้อความบอกเพื่อนทุกคนเดี๋ยวนี้แหละค่า กาอาระไปเตรียมของสิแล้วพรุ่งนี้แปดโมงเช้าเจอกันที่หน้าหมู่บ้านนะ"ว่าแล้วซากุระก็เดินเอาของไปเก็บแล้วพิมพ์โทรศัพท์ส่งข้อความนัดหมายเพื่อนๆที่จะไป
กาอาระออกมาเคารพฮารุย"สวัสดีครับ คุณคงเป็นป้าของซากุระสินะครับ ผม ซาบาคุโนะ กาอาระยินดีที่ได้รู้จัก"
ฮารุยหันมาทางผู้ทักทายตน"อ้าว ท่านคาเสะคาเงะเองเหรอค่ะ"
กาอาระกล่าวอย่างสุภาพ"เรียกผมว่ากาอาระเถอะครับ ฮารุยซังอายุมากกว่าผมอีก"
"จ้ะ ดูเป็นผู้ใหญ่จังเลย"
"ขอบคุณครับ เอ่อ ขอตัวก่อนนะครับ ต้องรีบไปจัดกระเป๋า"
ฮารุยรู้สึกเอ็นดู"แล้วนี่นั่งพักหายเหนื่อยแล้วเหรอ"
กาอาระตัดสินใจบอกลา"ครับ เดี๋ยวผมต้องกลับไปจัดของอีกเพราะพรุ่งนี้ผมจะไปแคว้นยูกิด้วยน่ะครับ ขอตัวก่อนครับ สวัสดี"
"จ๊ะๆพรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะ"
พอลับร่างของหนุ่มผมแดงไปแล้ว ซากุระนำถ้วยชาที่แขกเพิ่งจิบไปล้างแล้วรินชาถ้วยใหม่มาให้ผู้เป็นป้า
ฮารุยนั่งบนโซฟาอย่างสบายๆแล้วรับถ้วยชามาจิบ"ขอบใจ"
ซากุระมานั่งตรงกันข้ามของผู้เป็นป้า"ป้าค่ะเล่าเรื่องของพ่อต่อสิค่ะ หนูอยากฟังนะๆๆ"
ฮารุยยกชาขึ้นจิบแล้วส่ายหน้าเมื่อหลานตัวแสบยังจำได้"อืม ป้าเล่าถึงไหนแล้วล่ะ"
ผู้เป็นหลานตอบเสียงใส"เล่าถึงตอนที่พ่อสอบจูนินชนะค่ะ"
"อ้อ งั้นเหรอตอนนั้นพ่อของเราก็โดนจับคู่สู้รอบที่สามกับคนที่เคยทำร้ายตัวเอง เจ้านั่นขู่ใส่เขาด้วยนะ"
หลานสาวยกชาขึ้นจิบก่อนจะถาม"แล้วพ่อขู่เขาว่าอะไรรึค่ะ"
ฮารุยยิ้มนิดๆ"พ่อเราพูดว่า'ถ้าลงสนามแข่งเมื่อไหร่แกตายแน่'"
ซากุระคิดในใจ...ทำไมพ่อเราโหดจัง...
ฮารุยเล่าต่อ"หลังจากนั้นทางโคโนฮะให้เวลาสามเดือนในการเตรียมตัว ตอนนั้นพ่อเราเองก็ฝึกหนักมากผ่านไปสามเดือนตัวสูงพรวดถึงยี่สิบเซน ตอนแรก145 ไปฝึกอีท่าไหนก็ไม่รู้สูงพรวดเป็น165เซน ก็ถือว่าสูงมากสำหรับเด็กแปดขวบจวนเก้าขวบน่ะนะ นั่นยิ่งทำให้พ่อเราหล่อมากขึ้น จากนั้นผลปรากฏว่าเขาได้เป็นจูนินเพียงแต่อายุของเขายังเด็กเกินไปเลยต้องเป็นเกะนินไปก่อนอีกสามปีถึงจะเป็นจูนินได้โดยไม่ต้องสอบ หลังจากนั้นตัวเจ้านั่นก็เนื้อหอมมากแต่พ่อเราก็แอบชอบ อุจิวะ โซระ แต่ทั้งคู่ก็พยายามศึกษากันฮารุชิไม่เคยที่จะลวงเกินผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิดจนกระทั่ง..."
หญิงสาวถาม"กระทั่งอะไรเหรอค่ะป้า"เธอเองก็รู้สึกข้องใจถ้าพ่อมาชอบคนจากอุจิวะแล้วจะมารักกับแม่ได้ยังไง
ฮารุยเอ่ยเสียงเศร้า"ฮารุชิแอบไปได้ยินยัยนั่น บอกว่า สำหรับตัวเขานั้นก็แค่เครื่องทดสอบเสน่ห์ เมื่อพ่อเรารู้รู้อย่างนั้นก็เปลี่ยนไปเลยไม่ค่อยอยู่กับบ้าน นอกจากไปทำภารกิจแล้วเจ้นั่นออกจากบ้านแต่เช้ามืดกลับมาก็ดึกดื่น"
ซากุระถามแทรก"ป้ารู้ได้ยังไงเหรอ"
ฮารุย"รินมาเล่าให้ฟังน่ะ"
หลานสาวตัวร้ายพยักหน้าเข้าใจ ริน หรือฮารุโนะ ริน มีศักดิ์เป็นลูกบุญธรรมของตระกูลนี้เป็นลูกศิษย์ของพ่อและอาบุญธรรมของเธอที่เสียชีวิตไปตั้งแต่สมัยสงครามนินจา
ฮารุยเล่าต่อ"รินน่ะตามติดฮารุชิไปตลอดจึงรู้แต่หลังๆฮารุชิเองก็แวบไปแวบมารินเองก็เป็นเกะนินต้องไปทำภารกิจ จากนั้นครอบครัวก็เริ่มห่างเหินไปทุกทีๆ จากนั้นฮารุชิก็เข้าร่วมเป็นหน่วยแพทย์ในสงครามนินจาต่อมาก็ถูกปรับปรัมว่าเป็นคนที่แอบเรียนยาทิพย์เพราะก่อนหน้านั้นเจ้านั่นถูกปู่ของเราวานให้ไปหาสมุนไพรที่หอสมุดต้องห้ามแล้วหอนั่นก็ระเบิด ถึงแม้หลักฐานจะไม่มีพอที่จะปรับปรัมพ่อเราได้แต่พ่อของเราก็ออกจากหมู่บ้านไป"
เด็กสาวพยักหน้ารับรู้หากแต่ในใจนั้นคิด...นั่นคงจะเป็นแค่ข้ออ้างของพ่อล่ะมั๊ง...
ฮารุยยกชาขึ้นจิบแล้วเล่าต่อ"หลังจากนั้นมาห้าปีพ่อเราก็กลับมาในคืนที่ฝนตกกระหน่ำและพาแม่เรามาด้วย"
ซากุระถามด้วยตาเป็นประกาย"แล้วพ่อกับแม่รักกันได้ยังไงค่ะบอกหนูหน่อยสิป้า"
ผู้เป็นป้าส่ายหน้า"ไม่รู้สิ แต่ตอนนั้นพวกเราไม่รู้เลยว่าผู้หญิงที่พ่อเราพามานั้นเป็นใครมาจากไหนรู้แต่ว่าชื่อซาคุโระก็เท่านั้นและอีกอย่างตอนนั้นพ่อเราเคาะประตูชนิดจะพังประตูก็ไม่ปานพอปู่เราเดินไปเปิดให้พ่อเราพลักปู่ติดประตูแถมพูดว่า เวลาคนมันเข้าก็จะเข้าทันทีให้มันรู้มั่ง แล้วเดินเข้าบ้านพร้อมแม่เราอย่างไม่สนใจปู่ที่แบนคาประตูบ้าน นึกถึงตอนนั้นทีไรก็อดขำไม่ได้เลย"ว่าแล้วฮารุยหัวเราะเบาๆหากแต่ซากุระนั้นหัวเราะเเห้งๆ...พ่อเรารักปู่จริงๆ...
ฮารุยเล่าต่อ"จากนั้นแม่เราก็เข้ามาอยู่ในบ้านในฐานะเมียของพ่อเรา"
ซากุระเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถาม"แล้วพ่อกับแม่แต่งกันแล้วเหรอค่ะ"
ฮารุยตอบเสียงหน่ายๆ"ยังหรอกพ่อเราโกหกว่าได้กันแล้วต่างหากล่ะ ย่าเราไม่ค่อยชอบแม่เรานักเพราะร่างกายอ่อนแอและทำงานบ้านไม่เป็นแต่สุดท้ายก็ยอมรับแม่เราเพราะนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตนของแม่เราน่ะแหละนะแต่เรื่องก็แดงขึ้นเมื่อตาและยายเรามาที่หมู่บ้านเพื่อจ้างนินจามาตามหาแม่เราตอนนั้นแหละถึงได้รู้ว่าพ่อแม่เราหนีตามกันมา ดีที่ท่านรุ่นสามช่วยไกล่เกลี่ยให้ไม่งั้นแย่เลย สุดท้ายทั้งคู่ก็แต่งงานกันเป็นการแต่งแบบเรียบง่ายไม่หรูหรา ถ้าอยากรู้ว่าพ่อกับแม่เรารักกันได้ยังไงถ้าไปแคว้นยูกิแล้วไปถามมาสะซังนะเขาน่ะรู้ ไปจัดของได้แล้วไป"
"ค่าป้า"
พอลับร่างหลานตัวดีฮารุยนึกถึงตอนที่น้องชายตัวร้ายกลับมาในคืนที่ฝนตกกระหน่ำหลังจากที่ออกจากหมู่บ้านไปห้าปีกว่า
สามสิบสองปีก่อน
'ครืนๆๆ'สายฝนได้ตกกระหน่ำภายในบ้านฮารุโนะ มีกันอยู่สามชีวิตคือ ฮารุโนะ ฮาราตะ ผู้นำตระกูลและเป็นหมอใหญ่ของโคโนฮะ ฮารุโนะ ชิสึกุ ภรรยา และฮารุโนะ ฮารุย ลูกสาวคนโต ตอนนี้ทั้งสามกำลังนั่งพักผ่อนในห้องนั่งเล่น ฮาราตะ กำลังนั่งตรวจเอกสารพลางจิบชาส่วนชิสึกุกำลังล้างจานและฮารุยกำลังนั่งปักผ้า
'ปังๆๆๆ'เสียงทุบประตูดังขึ้น
"ใครน่ะ"ชิสึกุพูดขึ้นก่อนจะหันไปสั่งสามี"คุณค่ะไปดูที"
ฮาราตะไม่ตอบละจากเอกสารตรงไปเปิดประตู"รู้แล้วๆจะเปิดให้เดี๋ยวนี้"
'ปัง/โครม!'
พอฮาราตะบิดประตูก็โดนคนที่เปิดประตูนั้นพลักติดกำแพงพร้อมบานประตู
ร่างที่เดินเข้าพร้อมน้ำเสียงแสนจะกวน"เวลาคนจะเข้าก็จะเบสามข้าทันทีให้มันรู้ไว้มั่ง"ฮารุชิลูกชายคนเล็กวัยยี่สิบของตระกูลได้เดินเข้ามาในบ้านในสภาพเปียกปอนพร้อมหญิงสาวร่างบอบบางคนหนึ่งโดยไม่สนใจพ่อที่โดนพลักติดกำแพงพร้อมบานประตู
ชายหนุ่มหันมาถามหญิงสาวที่ตัวเปียกปอนเช่นเดียวกัยบตนด้วยความเป็นห่วง"ซาคุโระเป็นยังไงบ้างจ๊ะเดี๋ยวเข้าบ้านเช็ดตัวก่อนนะ"ตาสีเขียวเหลือบไปเห็นผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าติดกำแพงพร้อมบานประตู"พ่อไปทำอะไรน่ะ"
ทำเอาฮาราตะโกรธจนไม่รู้ว่าจะด่าอะไรไอ้ลูกชายคนนี้ดีหายไปตั้งห้าปีกว่ากลับมายังคงชอบกวนประสาทตนเหมือนเคยส่วนผู้เป็นแม่และพี่สาวทำได้แต่หน่ายใจกับนิสัยของลูกชายตนที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยในเรื่องที่ชอบกวนประสาทพ่อ ฮารุชิพาหญิงสาววัยยี่สิบกว่ามานั่งที่โซฟาก่อนจะหันมาบอกกับพี่สาว"พี่ช่วยไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ผมกับเมียผมที"
คำว่าเมียของผม ของฮารุชินั่นทำเอาชิสึกุผู้เป็นแม่นั้นแทบจะลมใส่จนสลบ ส่วนคนถูกใช้นั้นอึ้งเช่นเดียวกับฮาราตะผู้เป็นพ่อเองก็อึ้งทึ้งจนพูดอะไรไม่ออกหากแต่ฮารุชิยังคงนิ่งเฉยส่วนหญิงสาวที่เป็นเมียนั่นดวงหน้าแดงก่ำราวกับมะเขือเทศสุกและบิดตัวอย่างเอียงอาย
กลับมาปัจจุบัน
ฮารุยเก็บถ้วยชาไปล้างแล้วขึ้นไปจัดกระเป๋าของตนบ้าง นานแล้วที่ไม่ได้ไปที่นั่น
.. 
รุ่งเช้าที่หน้าหมู่บ้านโคโนฮะ
ซากุระและฮารุยพร้อมด้วยเพื่อนจูนินอีกสิบเอ็ดคนและกาอาระคาคาชิได้มาอยู่รวมกันสำหรับคาคาชิที่มาด้ายเนื่องจากได้รับคำสั่งจากซึนาเดะให้มาคุ้มครองซากุระอยู่ห่างๆเพื่อป้องกันพวกเหยี่ยวมาชิงตัวศิษย์รักของตน
ทางด้านทีมเหยี่ยวที่ตอนนี้กำลังจัองกลุ่มโคโนฮะอยู่นั้นซายะแสดงความเห็น"งานนี้ท่าจะยากไปกันเป็นโขยงอย่างงี้"
โทบิเสริม"งานนี้พวกนั้นระวังตัวดีมากเลยนะ"แล้วหน้าไปถามซายะ"เธอแน่ใจนะว่าพวกนั้นจะไปแคว้นยูกิ"หญิงสาวพยักหนัารับแล้วตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"แน่นอน"
โทบิบ่น"งานช้างแล้วสิเด็กนั่นเข้าใจหาที่หลบภัยจริงๆ"
"ทำไม"อุจิวะหนุ่มถามเสียงขุ่นสายตาของเขาตอนนี้จ้องมองไปที่หญิงสาวผมสีซากุระที่กำลังยืนคุยกับคาเสะคาเงะหนุ่มอย่างสนุกปากอารมณ์เขาตอนนี้มันโกรธปนหึงหวงแทบอยากจะกระชากหญิงสาวออกมา อกเขาแทบจะระเบิดออกมาจากอกแต่ขืนบุ่มบ่ามเข้าลักพาตัวหญิงสาวตอนนี้ฝ่ายตนจะเสียเปรียบยิ่งกว่านั้นการลักพาตัวจะทำได้ยากมากขึ้น
โทบิอธิบาย"เด็กนั่นมีเป็นลูกหลานตระกูลนานาเซะตระกูลนี้เป็นตระกูลพ่อค้าใหญ่ที่ถึงแม้จะเป็นพ่อค้าแต่เจ้าเมืองให้ความเคารพมาก พวกเขาคงไม่ปล่อยหลานสาวคนเดียวถูกพาตัวไปแน่"  
อุจิวะหนุ่มพยักหน้ารับ"งานนี้ต้องวางแผนให้รอบคอบที่สุด"
โทบิส่ายหน้า"เราคงต้องจับตาดูเด็กคนนั้นอย่างเดียวซะเเล้ว"
...
ทางด้านกลุ่มโคโนฮะ
ฮารุยหันไปถาม"เอาล่ะมากันครบรึยัง"
ซากุระเอ่ยเสียงหน่ายๆ"เหลือเจ้าบ้านารูโตะคนเดียวล่ะป้า"
ไม่ทันไรเจ้าบ้าที่หญิงสาวพูดถึงก็เดินมาถึงพร้อมกระเป๋าที่อัดเเน่นด้วยขนมมากมายทำเอาทุกคนเหงื่อตกพลางคิดในใจแบบเดียวกันว่า'..มันกะย้ายบ้านเลยรึไงฟ่ะ..'ซากุระเท้าสะเอวบ่นแบบร่ายยาว"มาก็สายแถมขนของมายังกะจะย้ายบ้านเนี่ยที่มาสายคงไม่ได้ตื่นสายหรอกนะนารุโตะชาตินี้นายน่ะ หาแฟนไม่ได้หรอก!!!เพราะไม่มีเลดี้ที่ไหนชอบผู้ชายตื่นสายหรอกนะ"
คนถูกบ่นหน้าจ๋อยลงทันที
ฮารุยสรุป"พวกเราจะเดินทางไปแคว้นยูกิกันทางรถไฟนะสักห้าชั่วโมงคงถึง" 
จากนั้นทั้งหมดก็เดินทางไปยังสถานีรถไฟของอิโยะคุนิ(สมมุติค่ะ)โดยรถไฟของสถานีนี้จะแบ่งเป็นห้องๆเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสาร โดยงานนี้ซากุระขอนั่งที่ห้องคนเดียวโดยอ้างว่า'อยากนั่งอ่านหนังสือของพ่อคนเดียว'แต่คาคาชิกาอาระฮารุยก็นั่งอยู่ห้องข้างๆ
ในขณะที่กลุ่มเหยี่ยวทำได้แต่เดินทางด้วยเท้าไปแคว้นยูกิซึ่งกินเวลาถึงห้าวันงานนี้ซากุระคำนวนไว้อย่างดีเพราะมันสามารถซื้อเวลาให้เธอไขปริศนาที่พ่อทิ้งไว้ให้ และเพื่อหลบสายตาของพวกที่ปรึกษาโคโนฮะที่จ้องจะเอาแต่ประโยชน์เข้าตัวและพวกเหยี่ยวที่สำคัญนาฬิกาชีวิตของเธอเหลือน้อยเต็มที ตอนนี้ชีวิตของเธอราวกับนาฬิกาทรายที่เวลาเริ่มลดลงทีละน้อยๆ ตอนนี้อากาศเริ่มหนาวเพราะเริ่มเข้าสู่แคว้นยูกิเธอเลยต้องสวมเสื้อคลุมหนังสีน้ำตาลซึ่งคู่กับชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวคู่กับกระโปรงพรีตคลุมเข่าสีดำรองเท้าบู๊ทหนังสีน้ำตาลเธอต้องสวมหมวกฟักทองสีดำปอยผมเส้นเล็กสีลูกกวาดยังคงมาคลอเคียบนดวงหน้าเล็กน้อยดวงตาสีมรกตถูกปกปิดด้วยแว่นกรอบดำหนาเตอะทำให้ดูไม่สะดุดตา 
หญิงกำลังนั่งเท้าคางไขว่ห้างอ่านนิยายเรื่องยูนิคอร์นตัวสุดท้ายต่อจากที่เธออ่านไว้ก่อนหน้า
......
ขบวนรถเกวียนเก่าๆแล่นผ่านมาแล้วหยุดลงที่ยูนิคอร์นสาวที่ยามนี้กำลังหลับใหล หญิงชราร่างเตี้ยแคระในชุดเสื้อเก่าๆก้าวลงมาเธอสวมหมวกกรวยสีน้ำตาลใบโตมันทำให้หมวกดูเด่นมากกว่าตัวของหญิงชรา หล่อนมองมาที่ยูนิคอร์นสีขาวที่นอนหลับด้วยอ่อนล้า เธอฉีกยิ้มอย่างยินดีแล้วกล่าวขึ้น
...โอ้..วันนี้ช่างน่ายินดีเหลือเกินสวรรค์ให้ข้าได้เจอมัน..เจ้าตัวสุดท้าย...
ไม่นานก็มีชายสองคนเดินลงมาจากเกวียนคนหนึ่งเป็นชายร่างผอมสูงในชุดคลุมสีดำและสวมหมวกทรงกรวยยาวสีดำอีกคนเป็นชายร่างแคระหลังค่อมสวมผ้าปิดตาซ้ายไว้ทั้งคู่ตรงมาที่หญิงชรา "โอ้เจ้านายเกิดอะไรขึ้นรึ"ชายร่างแคระร้องถาม
"เบาๆหน่อยเจ้าโง่"หญิงชราร่างเตี้ยหันไปตะคอกเบาๆให้ได้ยินกันแค่สามคน
ชายหนุ่มร่างผอมในชุดคลุมสีดำมองมาที่สิ่งมีชีวิตที่หำลังหลับด้วยสายตาตะลึงอยู่ครู่ก่อนจะปรับให้เป็นปกติเขารู้ทันทีว่านั่นคือยูนิคอรน์ สัตว์ในตำนานที่ยืนยงดุจท้องฟ้าและพระจันทร์
หญิงชราตรงกระชากคอเสื้อขอชายหนุ่มให้ลดต่ำลงมาระดับเดียวกับตนพลางถามเสียงเย็น
"เจ้าเห็นอะไร ตอบข้ามาสิ"
หากแต่ชายหนุ่มยังคงนิ่งเฉยไม่มีคำตอบใดๆออกมา
หญิงชราเค่นเสียง"ตอบมาสิ ไอ้พ่อมดกำมะลอ"
ชายหนุ่มสะดุ้งก่อนจะตอบ"มันก็แค่ม้าสีขาว"
หญิงชราพอใจในคำตอบจึงหัวเราะเบาๆพลางปล่อยคอเสื้อของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ"ใช่ ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้ามันก็แค่ม้าสีขาว เอาล่ะข้าจะนำมันร่วมขบวนเรายังพอมีกรงเหลืออีกหนึ่งกรง พรุ่งนี้ผู้คนต้องแห่มากันแน่ ฮิฮิๆ"
เมื่ออาชาในตำนานเริ่มขยับ ชายหนุ่มร้อง"มันกำลังจะตื่น"
"ไม่ต้องห่วง"และแล้วหญิงชราเริ่มร่ายมนต์ ทำให้เจ้ายูนิคอรน์สาวหลับใหลและมีเขาแสงสีขาวออกมา ทำให้สายตาคนทั่วไปมองว่ามันเป็นยูนิคอรน์จริงๆแต่สำหรับชายหนุ่มร่างสูงนั้นในสายตาของเขานั้นกลับเห็นเป็นเจ้ายูนิคอรน์ที่ถูกใส่เขาเพิ่มก็เท่านั้น
รุ่งเช้าคณะละครสัตว์นั้นมีผู้คนแห่มาดูสัตว์ประหลาดในตำนานกันมากมายโดยมีชายร่างแคระหลังค่อมนั้นค่อยแนะนำไปทีละกรง 
เจ้ายูนิคอรน์สาวนั้นรู้สึกตัวก็พบว่าตนเองนั้นอยู่ในกรงเสียแล้ว
"ชู่ว เงียบไว้เพื่อนเอ๋ย ตอบข้าว่าเจ้าเห็นอะไร ข้าเป็นเพื่อนขอเจ้านะ"ชายหนุ่มร่างผอมในชุดคลุมสีดำเช่นเดียวกับหมวกทรงกรวยสูงถาม
เจ้ายูนิคอรน์มองไปทีละกรงก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสงสารปนสมเพช"มังกรที่ใครๆเห็นจริงๆก็แค่งูดินตัวหนึ่งก็เท่านั้น คิเมร่าที่น่ากลัวก็แค่สิงโตที่แก่ชราน่ารังเกียจ โอ้ ท่านอย่าให้ข้าพูดเลยมันน่าสมเพชเหลือเกิน แต่มีอย่างหนึ่งที่จริงนั่นคือกริฟฟิน"ในตอนนี้เจ้านกครึ่งสิงโตกำลังคุ้มคลั่งพยายามจะทำลายวงเวทย์ในกรง ชายหนุ่มมองไปยังกรงเจ้าสัตว์ร้ายหน้านั้นซีดลง"โอ้ ยายหญิงแก่นั่นจับเขาได้ตอนหลับเหมือนกับเจ้าไงล่ะ หล่อนยังเสกเนยเป็นครีมไม่ได้ ดีแต่สร้างภาพลวงตาอีกไม่นานเขาก็จะพังกรงออกมาสามสี่วันนี้ข้านอนไม่หลับเลย "
เจ้ายูนิคอรน์สาวรู้ว่าคนตรงหน้าสามารถมองเห็นตนและเขาก็เป็นมิตร"เจ้าคือใครล่ะ"
ชายหนุ่มเริ่มแนะนำตน"ข้าชื่ออันคัส เป็นพ่อมดตัวจริงถึงแม้เวทย์มนต์ยังไม่เก่งกล้านัก คือข้ามีหน้าที่ให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมความจริงมันไม่ใช่หน้าที่พ่อมดตัวจริงแต่ข้าก็ทำได้ไม่ดีนัก"
ชายร่างแคระตะโกนไล่ พ่อมดหนุ่มจึงหันไปบอกลาเจ้ายูนิคอรน์สาว"ไม่ต้องกลัวนะ ข้าอันดัสอยู่ข้างเจ้าเสมออย่าทำอะไรผลีผามล่ะ"พอพอ่มดหนุ่มจากไป ชายร่างแคระหลังค่อมก็นำคนดูมาที่หน้ากรงยูนิคอรน์สาวพลางแนะนำ"นี่คือยูนิคอรน์"จบคำ ผู้คนต่างมุงดูบางรายน้ำตาไหลที่ได้เห็นอาชาขาวมีเขาเดียวงามสง่าเป็นขวัญตาแต่ใครจะรู้บ้างว่าเขาแสงที่เห็นนั้นคือเขาที่นางแม่มดร้ายเสกขึ้น
'ปึก'ซากุระปิดหนังสือพลางถอดแว่นนวดขมับตอนนี้เบาะแสที่มีอยู่คือหนังสือเล่มโปรดของพ่อเท่านั้น ร่างบางเหม่อมองไปนอกหน้าต่างในตอนนี้เริ่มมีหิมะโปรยปรายมันทำให้เธอนึกถึงวันเก่าๆที่เธอมักจะเล่นปั้นตุ๊กตาหิมะกับป้าสองคนมันช่างสุจใจเหลือเกินแต่ในตอนนี้เธอจะมีชีวิตได้อีกไม่นานเธออยากหาตำราต้องห้ามให้เจอเพราะใจหนึ่งอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกใจอยากจะนำมาช่วยเหลือผู้คน ตาสีมรกตเหม่อลอยในหัวนั้นคิดถึงปริศนาที่พ่อให้ไว้ ตอนนี้ทางเดินสำหรับเธอนั้นกลับดูมืดมนเหลือเกินเธออยากย้อนกลับไปในอดีต ซากุระนึกถึงในวัยเด็กเธอมักจะฝันว่าตนเองได้ผจญภัยบนโลกกว้างได้เห็นสิ่งต่างๆมากมายดวงตาคู่งามเริ่มหนักอึ้งเธอจึงเก็บหนังสือใส่กระเป๋าแล้วผล็อยหลับไปในขณะที่รถไฟกำลังแล่นเข้าสู่แคว้นยูกิอันเป็นจุดหมายของเธอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น