วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562

พันธสัญญาสีดำ ภาค 1 บทที่ 1 สิ่งที่เหลืออยู่ของพ่อ + ตัวละคร

    เด็กสาววัย15ในชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าแขนตุ๊กตาสีขาวมันเข้ากับผิวที่ขาวนวลอมชมพูใสจมูกโด่งเข้ากับหน้ารูปไข่และริมฝีปากบางสีชมพูหวานดวงตาเรียวกลมโตสีเขียวมรกตสดใสกำลังมองไปรอบๆก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ที่รกร้างดินแห้งแล้งเมื่อสายลมพัดสู่ร่างเล็กทำให้ผมสีชมพูอ่อนสั้นปะบ่าพริ้วไหวตามแรงลม
”จงทำตามสัญญา สัญญา สัญญา สัญญา”
เสียงแหบทุ้มดังอยู่ในหูของเด็กสาวรีบยกมือทั้งสองปิดหูพลางคิด หยุด!หยุดซะสิ! แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา
“ซากุระ!ซากุระ!ซากุระ!จะมัวหลับไปถึงเมื่อไรห๊า!”
เสียงคุณป้าจอมขี้บ่นทำให้เด็กสาวตื่นขึ้นจากฝัน เธอต้องขอบคุณหนักๆเลยเพราะเสียงนั้นมันน่ากลัวมากๆ
เสียงของฮารุย ป้าของเธอดังอีกครั้ง เธอจึงรีบตอบรับ
”ค่าจะลงไปเดี๋ยวนี้ บ่นอยู่ได้ป้าอ่ะ”
พลางนึกถึงคำพูดที่ได้ยินในความฝัน‘สัญญาอะไรกัน’
หลังจากทำธุระส่วนตัว เด็กสาวก็ลงไปห้องครัวก็พบหญิงวัยกลางคนผมสีดำรวบต่ำตาสีเขียวมรกตผิวขาวซีดร่างบอบบางอยู่ในชุดกระโปรงคลุมเข่าแขนยาวสีดำซึ่งกำลังมองเธออย่างดุๆ
”นี่ซากุระ เป็นอะไรเรียกตั้งนานไม่ยอมตื่น เป็นอะไรไม่สบายรึเปล่า”
เด็กสาวหยิบกล่องนมจากตู้เย็นเทใส่แก้วใบใหญ่แล้วยกมาวางบนโต๊ะและนั่งลง
”หนูก็แค่ เหนื่อยนิดหน่อย”
ว่าแล้วก็ยกนมดื่มแบบรวดเดียวหมด
”ถ้างานมันหนักนักก็พักบาง”
ผู้เป็นป้ามองนาฬิกาซึ่งตอนนี้เป็นเวลาตีสี่ตรง
”อย่าหักโหมนักสิ”
เด็กสาวหันมามองผู้เป็นป้าพลางยิ้มหวานและตอบ
”หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า”และลุกจากเก้าอี้
”หนูไปเก็บสมุนไพรก่อนนะค่ะ”
แล้ววิ่งมากอดและหอมแก้มผู้เป็นป้าก่อนจะออกจากบ้าน
”ไปก่อนนะค่ะ”
และปิดประตูออกจากบ้านไปกิริยาอย่างนั้นทำให้ผู้เป็นป้าต้องบ่น
”ดื้อเหมือนพ่อมันจริงๆ”
แล้วหันไปมองรูปที่อยู่บนลังตู้เย็นซึ่งเป็นรูปของชายวัย24ปีผมสีดำสั้นซอยตาสีมรกตจมูกโด่งผิวขาวซีดอยู่ในชุดแขนยาวคอจีนสีดำซึ่งกำลังโอบไหล่หญิงสาววัย21ปีผมสีชมพูอ่อนยาวเป็นลอนสลวยเงางามจมูกโด่งผิวขาวอมชมพูตากลมโตสีฟ้าน้ำทะเลอยู่ในชุดเดรสคอกลมแขนตุ๊กตาสีขาวคนทั้งคู่กำลังยิ้ม ฮารุยมองรูปน้องชายและน้องสะใภ้ที่จากโลกนี้ไปพลางคิด
…เด็กคนนี้หยิบสิ่งดีๆของพ่อแม่มาจริงๆทั้งหน้าตาและนิสัย…คิดเสร็จแล้วกลับไปทำงานบ้านต่อ
...
สมุนไพรที่โคโนฮะนั้นช่างอุดมสมบูรณ์นัก หากเทียบกับแคว้นอื่น ถึงแม้ว่าจะมีบางอย่างที่ต้องนำเข้ามา แต่ที่โคโนฮะมีสมุนไพรมากมายนั้นก็เพราะปู่และพ่อของเธอที่เคยออกไปรวบรวมสมุนไพรพวกนี้มา เธอไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพ่อแม่ หรือปู่ของเธอมากนัก คุณป้าหรือญาติๆทางแม่ของเธอมักจะมีสีหน้าสลดใจทุกครั้ง หรือฝืนยิ้มให้ทุกครั้ง เธอไม่ชอบสีหน้านั่นเลย ความจริงเธอจะไปอยู่ที่แคว้นยูกิก็ได้ แต่เพราะคำสั่งเสียของพ่อ ประกอบกับร่างกายของเธอที่อ่อนแอ ไม่สู้ทนความหนาวนักจึงไม่สามารถอยู่ได้นาน แต่ก็ชักอยากไปเยี่ยมคุณตาคุณยายซะแล้วสิ พวกพี่ๆจะเป็นยังไงนะ คิดถึงแฮะ
เด็กสาวสลัดความคิดออกจากหัวก่อนจะเก็นสมุนไพรต่อ เพราะเธอต้องนำพวกมันไปอบแห้งเพื่อเตรียมทำยาต่อไป ช่างน่าสนุกจริงๆ
...
..
.
หลังจากเก็บสมุนไพรที่ภูเขาทางเหนือของโคโนฮะได้สองชั่วโมงซากุระก็รีบลงจากภูเขาทันทีเมื่อกลับถึงบ้านเด็กสาวก็ตรงดิ่งไปยังห้องครัวก็พบว่ามีข้อความแปะติดตู้เย็นไว้ว่า
’ฉันจะออกไปซื้อของนอกเมือง แกหาอะไรกินเองและกันจะกลับเที่ยงๆ จากป้าฮารุย’
พอเด็กสาวอ่านจบก็อมยิ้มแต่เด็กสาวยังไม่ทันทำอะไรก็มีเสียงเรียก
…ก๊อกๆ ....
“มีใครอยู่บ้านไหมครับมีจดหมายมาส่ง”
เด็กสาวไม่รอช้ารีบวิ่งไปเปิดประตูและรับจดหมายมา เธอนึกเอะใจว่า บุรุษไปรษณีย์จะขยันอะไรขนาดนั้น "สงสัย พวกคุณลุงคงจะส่งมาสินะ แต่ก็เช้าจริงๆ"
หญิงสาวนำจดหมายไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวก่อนจะนำสมุนไพรไปล้าง ซับน้ำให้แห้ง จัดเรียงบนถาดก่อนจะอบในเตาอบด้วยอุณหภูมิต่ำเพื่อให้สมุนไพรสามารถเก็บรักษาได้นาน และคงสรรพคุณไว้
หลังจากเตรียมการเรียกร้อยเธอก็ลอหยิบจดหมายปริศนามาเปิดอ่านดู
'ผู้ส่ง ฮารุโนะ ฮารุชิ '
นามของผู้ส่งทำให้เด็กสาวผงะทันที ตัวสั่น ทำไม จดหมายของพ่อเธอถึง เด็กสาวไม่รอช้ารีบเปิดจดหมายอ่านทันที
’ถึงลูกรักของพ่อ พ่อไม่รู้หรอกว่าลูกเป็นชายหรือหญิงแต่ พ่อรู้ว่าลูกรักของพ่อต้องเป็นนินจาแพทย์แน่ๆ พ่อมีสิ่งหนึ่งที่ต้องบอกลูกมันถึงเวลาแล้วที่พ่อจะต้องบอกลูกเป็นมันความลับที่พ่อไม่เคยบอกใครเลยหรือแม้แต่แม่ของลูกหรือพี่สาวของพ่อ’
ยังไม่ทันที่จะอ่านจดหมายจบซากุระรีบวิ่งขึ้นห้องนอนส่วนตัวทันทีแล้วรีบล็อกประตูทันทีล็อกหน้าต่างหน้าต่างปิดผ้าม่านอีกชั้นแล้วเปิดโคมไฟขนาดเล็กที่มีแสงสว่างไม่มากแต่ก็พอที่จะมองเห็นแล้วจึงอ่านจดหมายต่อ
’ตอนพ่ออายุ 15 พ่อได้ลักลอบเรียนตำราต้องห้ามจริงและขโมยตำรานั้นมาซ่อนไว้ในที่ปลอดภัย มันอยู่ที่ภูเขาทางเหนือของโคโนฮะหากลูกพบจงอ่านให้จำขึ้นใจและพยายามฝึกมันให้ได้และจงใช้ในยามสงครามและปกป้องผู้บริสุทธ์เท่านั้นเหตุผลที่พ่อต้องทำนั้นมีเพียงอย่างเดียวคือ โอโรจิมารุต้องการวิชาพวกนี้และยังมีพวกอื่นที่ต้องตำราลูกห้ามบอกใครเป็นอันขาดเรื่องตำราและที่ซ่อนพ่อเองก็ไม่สามารถบอกที่ซ่อนตำราได้ตรงๆแต่พ่อจะทิ้งปริศนาไว้ให้ เมื่อไวท์ดื่มตัวมันเอง เมื่อกระดูกพูดได้ ขอให้ลูกมีความสุข รักเสมอจากพ่อ’
พออ่านจบเนื้อความในจดหมายก็หายไปทันทีทำให้เด็กสาวได้แต่พึมพำเบาๆ
”จดหมายอาคม”(สมมุติเอานะค่ะ:คนแต่ง)
และคิดในใจ…เอ ประโยคแบบนี้..มันน่าจะเกี่ยวกับหนังสือนะ..พอมองนาฬิกา
”อ๊ะ!สายแล้ว”
เด็กสาวรีบจัดแจงจัดห้องนอนให้เป็นปกติและนำจดหมายทิ้งชักโครกแล้วกดชักโครกทันทีและออกจากบ้านเพื่อไปทำงานที่โรงพยาบาลตามปกติ
เมื่อเวลาผ่านไปล่วงบ่ายแก่ๆ ซากุระจึงไปหาอาจารย์
...
ทำงานโฮคาเงะ
ก๊อกๆ..
”ขออนุญาตค่ะ”
”เข้ามาสิ”
ซากุระรีบเข้าห้องทันทีที่อาจารย์อนุญาตเด็กสาวทำความเคารพผู้เป็นอาจารย์
”เอาละซากุระวันนี้มีอะไรเหรอ”
“เอ่อ..คือว่า”
”ว่ามาสิฉันฟังอยู่”
”หนูขอลางานไปสัก1เดือนจะได้ไหมค่ะอาจารย์”เธอต้องการเวลาไขปริศนาของพ่อ ช่วงเวลานี้ช่างเหมาะจริงๆ
ผู้เป็นอาจารย์ขมวดคิ้ว”เป็นเพราะอักขระนั้นรึเปล่า“
“เปล่าค่ะอาจารย์หนูแค่..อยาก..เอ่อ..พักผ่อนน่ะค่ะ”
“งั้นเหรอ”
ซึนาเดะนั่งหลับตาคิด
”ก็ได้เพราะเธอควรพักผ่อนซะบ้างอย่าหักโหมล่ะ”
เด็กสาวโค้งคำนับ
”ขอบคุณค่ะอาจารย์”
”อ้อ..เธอระวังตัวด้วย”
“หือ..มีอะไรเหรอค่ะ“
“เพราะพวกเหยี่ยวมันมาป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆหมู่บ้าน”
”ค่ะ หนูจะระวังตัวขอบคุณค่ะ ”
หลังจากซากุระออกจากห้องทำงานไป
...
ซึนาเดะคิดในใจ…กลุ้มใจจริง...
พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานในตอนสายระหว่างที่ตัวเองนั่งจัดการเอกสารกองโตโดยมีชิสึเนะเป็นผู้ช่วย คอยคุมงาน เอ้ย ! คอยดูแล จู่ๆก็มีคนของหน่วยลับเข้ามา’ท่านรุ่น5ครับมีเรื่องด่วน’ ทำให้ซึนาเดะมองหน้าคนของหน่วยลับด้วยสายตาหงุดหงิดนิดๆ
’มีเรื่องอะไร’
’คือว่า..พวกเหยี่ยวมันชิงแฟ้มประวัตินินจาแพทย์ไปครับ’
’อะไรนะ! เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน’
’ของใคร!’
’ฮารุโนะ ซากุระ ครับ’
เมื่อคนจากหน่วยลับพูดจบทำให้โฮคาเงะรุ่น5รีบวิ่งไปที่ห้องเก็บแฟ้มประวัติของนินจาทันที ภายในห้องเก็บแฟ้มนั้นถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย
’ท่านซึนาเดะค่ะ’ชิสึเนะนินจาคนสนิทของซึนาเดะวิ่งตามมาพลางถาม’จะให้สั่งพวกหน่วยลับไปคุ้มกันซากุระมั้ยคะ’
’ไม่ต้อง เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่’
...
กลับมาปัจจุบัน
ซึนาเดะพึมพำเบาๆ
”ขออย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีกับเด็กคนนั้นเถอะ”พลางเหมอมองท้องฟ้าในยามเย็น ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าสีส้มของท้องฟ้านั้นเหมือนกำลังร่ำไห้ ชวนเศร้าและรู้สึกไม่ดีเลย ไม่ดีจริงๆ
...
ทางด้านทีมเหยี่ยว
ในเวลาเย็นป่าชายแดนโคโนฮะที่กลุ่มนินจาชาย4หญิง2กำลังนั่งประชุมอยู่
”ภารกิจของพวกเธอในครั้งนี้คือ จับนินจาแพทย์ที่ชื่อ ฮารุโนะ ซากุระ มา”
ชายสวมหน้ากากในชุดดำลายเมฆแดงนามโทบิพูดขึ้น
”ทำไม”
ชายหนุ่มผมดำหน้าตาหล่อเหลาถาม
ชายสวมหน้ากากบ่น”เธอนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเอาซะเลยนะ”
”จะบอกอะไรให้เด็กคนนี้เป็นทายาทของฮารุโนะฮารุชิ..”
ยังไม่ทันจะพูดจบก็ถูกแทรก
”ที่ถูกกล่าวหาว่าลักลอบเรียนวิชาต้องห้ามของราชวงศ์เก่าไงล่ะค่ะท่านซาสึเกะ”หญิงสาวหน้าตาน่ารักผมยาวรวบหางม้าสีเหลืองผูกโบสีดำผิวสีน้ำผึ้งตาสีฟ้าสดใสรูปร่างผอมเพียวพูดพลางยิ้มหวานให้ชายหนุ่มผมดำนาม’ซาสึเกะ’
โทบิจึงพูดต่อทันที
”ซาสึเกะหัดอบรมลูกน้องซะบ้าง”
ซาสึเกะไม่พูดอะไรเพียงแต่ส่งสายตาตำหนิให้หญิงสาวผิวน้ำผึ้งทำให้ผู้ถูกตำหนิต้องนั่งฟังอย่างเดียวซาสึเกะถามโทบิต่อ
”อะไรคือราชวงค์เก่า”
”ราชวงค์เก่าก็คืออดีตผู้ปกครองเหล่านินจาทั้งหมดและมีวิชาลับที่ไม่มีใครสามารถร่ำเรียนได้และมีสูตรยาลับมากมายเก็บไว้หนึ่งในนั้นก็คือ’ยาทิพย์’ที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงให้หายเป็นปกติภายเวลาอันรวดเร็วซึ่งส่วนผสมและวิธีทำเป็นความลับไม่มีใครรู้แม้แต่โอโรจิมารุก็ยังไม่รู้มันเคยพยายามค้นหาแต่ก็หาไม่พบ”
”แล้วทำไม..วิชานั้นถึงถูกซ่อนล่ะ”
ชายหนุ่มผมสีฟ้าฟันฉลามเอ่ยถาม
”นั่นสิ”ชายหนุ่มร่างใหญ่ผมสีส้มถาม
โทบิจึงตอบทันที
”ความจริงวิชาพวกนั้นคนสามัญธรรมดาไม่สามารถใช้วิชาพวกนั้นได้หรอกนะ แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการนั้นน่ะก็คือสูตรยาทิพย์ต่างหากล่ะ”
”สูตรยาทิพย์ มันมีจริงๆเหรอ?”ซุยเงสึถาม"โอโรจิมารุคงไม่อยู่เฉยแน่"
ซาสึเกะคิด..ที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้ยินสูตรยาทิพย์เลยอะไรเลยถ้ามีมันคงโด่งดังมากแน่ๆ
”อ๋อ!เกี่ยวกับตำนานนั้นสินะ”หญิงสาววัย18ผมยาวซอยสีแดงตาสีแดงท่าทางร้ายกาจพูดขึ้น
”ตำนานอะไรล่ะคาริน”
ชายหนุ่มผมสีฟ้าฟันฉลามเอ่ยถามหญิงสาวผมแดงนาม คาริน หญิงสาวผู้ถูกถามจึงบ่นใส่ชายหนุ่มผมสีฟ้าฟันฉลาม
“นิ!นายไม่รู้จัก ตำนานราชาจริงเหรอซุยเงสึ”
ซายะจึงพูดแทรกในทันที
”ฉันก็รู้นะแต่มันเป็นเพียงตำนานเท่านั้นมันไม่ใช่เรื่องจริงนะคาริน”
หญิงสาวผิวน้ำผึ้งพูด
”เงียบไปเลย!ยัยซายะ!!แกอยากจะมีเรื่องเหรอห๊ะ!!”
คารินตวาดใส่หญิงสาวผิวน้ำผึ้งนาม ซายะ แต่ผู้ถูกตวาดดูจะไม่ยอม
”เพี๊ยะ!”
ซายะได้ฝากรอยตบไว้ที่หน้าของคารินอย่างเต็มแรงจนแก้มของผู้ถูกตบหน้าหันเป็นรอยแดงเป็นรูปมือห้านิ้วทันที
“กรี๊ดดดดดดดดด!!”
เสียงกรี๊ดจนคนรอบข้างอุดหูแทบจะไม่ทันคารินรีบวิ่งมากอดแขนซาสึเกะทันที
”ซาสึเกะค่า ดูสินังซายะมันตบเขาอ่ะ ดูสิแก้มเขาเป็นรอยแดงเลย”
คารินพูดพลางส่งสายตาสำอ่อย ทำให้ซาสึเกะมองคารินด้วยสายตาเย็นชาและพูด
”ปล่อยฉัน คาริน ไม่งั้นฉันตบเธอแน่”
พอพูดจบคารินก็รีบปล่อยแขนซาสึเกะและนั่งลงข้างๆซาสึเกะทันทีด้วยสีหน้าหงุดหงิดสุดๆท่ามกลางสายตาขบขันของซุยเงสึและซายะ
โทบิพูดขึ้น”แต่มันก็เกี่ยวกับสูตรยาอมตะนะ”
”ชิ”
ซายะสบถอย่างหัวเสียในทันทีคารินจึงเยียดยิ้มอย่างมีชัย
”เอ..แล้วเรื่องไอ้ตำนานราชานั้นน่ะเนื้อเรื่องมันเป็นยังไงล่ะ”
ซุยเงสึถามอีกทำให้คารินโวยลั่น
”ไอ้กับปะขึ้นอืด แกหัดรู้เรื่องอะไรบ้างสิยะ”
หลังจากคารินโวยลั่นทำให้ชายหนุ่มร่างใหญ่ผมสีส้มที่เงียบมาโดยตลอดต้องบ่นอย่างเหลืออด
”คารินหยุดซะทีเถอะถ้าเธอไม่อยากให้พวกโคโนฮะมันรู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี้น่ะ”
ประโยคนั้นคารินแทบจะกรี๊ดในทันทีแต่ก็คิดได้ว่าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์อะไรจึงสงบลง ซายะจึงพูด
”จูโกะเอาล่ะ ฉันเล่าเองเรื่องก็มีอยู่ว่า ในยุคหนึ่งราชานินจาพระองค์หนึ่งทรงได้เชลยสาววัย18ชาวต่างชาติมา ท่านเห็นความงามของนางทำให้ท่านหลงรักอย่างหมดหัวใจจึงขอให้นางเป็นชายา นางเชลยก็หลงรักราชาเช่นกันจึงยินดีชายาเป็นทั้งสองครองรักกันอย่างมีความสุข…แต่ความสุขไม่ยืนยาวเมื่อชายาได้ให้กำเนิดโอรสองค์แรกเนื่องจากชายาองค์นี้มีร่างกายอ่อนแอหลังจากนั้นไม่นานก็จบชีวิตลงสร้างความเสียใจให้กับเหล่าไพร่ฟ้าและมากที่สุดก็คือราชาที่ต้องสูญเสียนางผู้เป็นที่รักไป..แต่ร่างของนางนั้นเหมือนคนนอนหลับมากกว่าคนตาย ราชาจึงไม่อาจตัดใจที่จะฝังร่างนางจึงทำได้เพียงแต่แช่แข็งนางไว้เท่านั้น จากนั้นราชาก็ดูแลเอาใจใส่บ้านเมืองอย่างดีเหมือนเดิมแต่ตัวราชาเองกลับเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก หมอซึ่งเป็นทั้งอนุชาและคนสนิทของราชารู้สึกเห็นใจและสงสารพี่ชายที่ต้องสูญเสียหญิงผู้เป็นที่รักจึงอาสาหาทางทำให้ชายานั้นฟื้นจากความตายให้จงได้ จากนั้นหมอหลวงคนสนิทของราชาจึงไปที่ภูเขาแห่งหนึ่งแล้วก็คิดค้นสูตรยาอยู่นานจากวันเป็นเดือนจากเดือนเกือบปีพอผ่านไปหนึ่งปีหมอหลวงคนสนิทก็เดินทางกลับมาที่วังพร้อมตัวยาจากนั้นพอร่างของชายาได้ดื่มยาเข้าไปทำให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งแถมแข็งแรงและงดงามผุดผ่องโสภามากกว่าเก่าแล้วก็กลับมาครองรักกับราชาอีกครั้ง จบแล้วจ้า”
“อืม เป็นเรื่องที่ดีนะ”
จูโกะพูดขึ้นโทบิจึงอธิบายต่อ
“หลังจากนั้นน้องชายของราชาได้คิดค้นสูตรยามากมายและรวบรวมสูตรยากับเคล็ดวิชาต่างๆไว้โดยราชาได้ให้ขุนพลคนสนิทของตนนำไปซ่อนไว้แต่ขุนพลนั้นกลับโลภมากอยากฝึกวิชาแต่สุดท้ายเขาก็ตายเพราะฝึกวิชาลับ ลูกชายของขุนพลรู้ดีว่าราชานั้นได้สาปแช่งไว้จึงตัดสินใจนำทั้งสูตรยาและเคล็ดวิชาลับไปซ่อนเองสุดท้ายก็ไม่มีใครรู้ว่าตำราอยู่ไหน”
ซาสึเกะจึงถามโทบิต่อ”ราชาได้สาปแช่งไว้เหรอ”
”ใช่”โทบิตอบทันทีและอธิบายต่อ”ราชาได้สาปแช่งไว้จริงจากที่ตำนานฉบับเต็มได้แต่งไว้”
”เอ๋ คุณเคยอ่านฉบับเต็มด้วยเหรอ?”ซายะถามโทบิด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
”ก็เคยนะ”
”แล้วซากุระเกี่ยวอะไรด้วย”
ซาสึเกะถามโทบิด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง
”ก็เพราะเขาเป็นทายาทของฮารุโนะ ฮารุชิ ไงล่ะ ปู่ของเค้าก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงเพราะเป็นหมอยาที่สร้างยาที่นินจาใช้กันมาก แต่ฮารุชินับว่าคืออัจฉริยะเชียว ถ้าอยากจะรู้แต่ก็คงต้องเริ่มตั้งแต่เรื่องของฮารุชิ น่ะนะ ตำราลับน่ะใครๆก็คิดว่ามันเป็นตำนานปรัมปรานะแต่ตอนสงครามนินจาครั้งที่3 ฮารุชิก็เข้าร่วมด้วยในตอนนั้นน่ะจะอายุสัก 14 15ปีได้นะเขาเป็นแพทย์ฝีมือดีที่สุดของโคโนฮะเลยล่ะ..มีอยู่ครั้งหนึ่งในตอนนั้นมีนินจาที่บาดเจ็บสาหัสมากประมาท15คนมีเพียง10คนที่สามารถเยี่ยวยาได้แต่ทีเหลือนั้นนินจาแพทย์ไม่สามารถรักษาได้คนไข้เหล่านั้นต้องนอนรอความตายไปแต่ ฮารุชิเขาไม่ยอม เขาดึงดันที่จะรักษาคนเหล่านั้นเพราะว่าเขาไม่อาจทนเห็นคนตายไปทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรเลยแต่หลังจากที่ทุกคนห้าม จนเขาต้องยอมและข้ามคืนคนเหล่านั้นก็หายเป็นปกติและแข็งแรงกว่าเดิม ใครๆต่างก็คิดว่าฮารุชิเป็นคนรักษานะแต่หลักฐานไม่มีพอที่จะปรับปรำฮารุชิได้ สุดท้ายเขาก็ต้องออกจากโคโนฮะไป”
พอโทบิพูดจบคารินจึงถามทันที
”ดูเหมือนนายจะรู้ประวัติคนคนนี้ดีเหลือเกินนะ”
โทบิสะอึกเล็กน้อยก่อนจะสวนกลับมาทันที
”รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งไงล่ะ”
ทำเอาสาวผมแดงหน้าบึ้ง ชายสวมหน้ากากอธิบายต่อ
”เหตุที่เขาถูกปรักปรำเพราะก่อนหน้านั้นหอสมุดต้องห้าม ถูกทำลายโดยที่ผู้ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุมากที่สุดก็คือฮารุชิ”
ซาสึเกะขมวดคิ้วทันทีก่อนจะถาม
”ทำไมเขาถึงอยู่ใกล้หอสมุดต้องห้ามล่ะ”
ซายะจึงแทรกทันที
”พวกนินจาแพทย์ส่วนใหญ่ต้องหาสมุนไพรตามฤดูกาลและสถานที่ซึ่งในห้าแคว้นที่หอสมุดต้องห้ามเป็นที่ๆมีสมุนไพรอุดมสมบูรณ์ที่สุดนอกจากสวนของตระกูลนาระอีกแล้ว”
ซุยเงสึถามต่อ
”แล้วทำไมเจ้าคนคนนั้นถึงไม่เก็บสมุนไพรที่สวนตระกูลนาระ ซะล่ะ ที่นั่นก็ค่อนข้างอุดมอุดมสมบูณณ์ที่สุด”
ซุยเงสึถามทำให้สาวผิวน้ำผึ้งจึงต้องอธิบายต่อ
”ก็เพราะสวนสมุนไพรตระกูลนาระมีไว้สำหรับส่งให้โรงพยาบาลของโคโนฮะเท่านั้น”
ซุยเงสึก็เข้าใจทันที
”อืม..เข้าใจแล้วว่า..ทำไมพวกแพทย์ถึงได้ดั้นด้นไปหาสมุนไพรนอกแคว้นกัน”
โทบิจึงพูดต่อ
”ในตอนที่หอสมุดต้องห้ามระเบิดเขากำลังกลับจากการหาสมุนไพรพอดีบางคนก็คิดว่าเขาจดจำตำราต้องห้ามแล้วทำลายหอสมุดทิ้ง ในตอนที่หอสมุดถูกระเบิดทำลายลงแล้วไม่มีเศษกระดาษเลยสักชิ้น”
คำพูดของโทบิ ซาสึเกะคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด
”บางทีมันอาจจะไม่มีตำราอะไรนั้นอยู่หอสมุดตั้งแต่แรกนะ”
คำพูดของซาสึเกะทำให้ทุกคนมองหน้าซาสึเกะทันที
”ทำไมเธอคิดอย่างนั้นล่ะ”โทบิถาม"เพราะอะไรล่ะ”
”ก็คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไม่มีใครเคยเห็นตำราต้องห้ามเลยนิ”
โทบิพูดต่อ
“ตอนแรกฉันก็คิดแบบเธอล่ะนะ..แต่หลักฐานหลายอย่างมันฟ้อง”
จูโกะถามแทรกทันที “แล้วรู้ได้ยังไงว่าตำราต้องห้ามอยู่ที่หอสมุดแห่งนั้นล่ะ“
”โฮคาเงะรุ่น2อ้างว่าเป็นผู้พบเจอแล้วก็สร้างหอสมุดต้องห้ามมันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่นะ”
โทบิตอบพลางถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
”ตอนนี้ฮารุชิก็เสียชีวิตไปนานแล้วถ้าเด็กคนนั้นรู้วิธีทำยาทิพย์หรือที่ซ่อนตำราจะทำให้ฝ่ายเราได้เปรียบในสงครามนี้มากขึ้น” 
คารินจึงถามบ้าง”ถ้ามันไม่รู้เรื่องตำราหรือยาอะไรนิมันไม่เสียแรงเปล่าเหรอ”
โทบิ”ก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรเธอเป็นนินจาแพทย์มีประโยชน์อยู่แล้ว..ก็เพราะพวกเรายังไม่มีนินจาแพทย์ในทีมสักคน ถึงเธอจะมีพลังการรักษาแต่ถ้าอาการสาหัสเธอก็จะรับมือยากและไม่ไหวได้”
พอโทบิพูดจบคารินได้แต่สบถอยู่ในใจเท่านั้น
..ชิ..เกลียดนังนั้นจริงๆ..
แต่ต้องหยุดคิดเมื่อซุยเงสึถามโทบิต่อ
”แล้วเขาจะยอมเข้าพวกเหรอ”
”ก็ต้องหว่านล้อมหน่อยล่ะ..เด็กนั่นเป็นถึงคนสนิทของโฮคาเงะรุ่น5รู้นอกออกในหมู่บ้านโคโนฮะดีกว่าใคร”
โทบิตอบด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ”ถ้าไม่ยอมเข้าพวกหรือหมดประโยชน์ล่ะก็ฆ่าทิ้งทันทีแต่ก็เก็บเด็กนั้นไว้เป็นตัวประกันต่อรองกับโคโนฮะก็ได้ สำหรับหมู่บ้านนินจา นินจาแพทย์ถือว่าเป็นบุคคลากรที่มีค่ามากกว่านินจาต่อสู้หลายขุมเชียว”
คำพูดของโทบิทำให้ซายะต้องพูดด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ”แต่ยัยนั้นจะยอมเป็นพวกเรารึ ถ้าจะกล่อมลำบากนะไม่เสียแรงเปล่าเหรอ ฉันว่ากล่อมองค์รักษ์นินจายังง่ายกว่าเยอะ”
โทบิหันมาถามซายะ”ทำไมล่ะ”
“คนตระกูลนี้ขึ้นชื่อเรื่องหัวแข็งไม่ยอมทรยศต่อโคโนฮะเด็ดขาด”
ซายะตอบทันที คารินจึงพูดเสริมซายะ
”นั่นสิ ดูจากแฟ้มประวัติแล้ว ยัยนี่ถ้าทางจะเป็นเพียง ตัวถ่วง ก็เท่านั้น”
คารินเหยียดยิ้มทันทีที่พูดจบโดยจงใจเน้นคำว่า‘ตัวถ่วง’พลางคิดในใจ
…ใช่ฉันรักซาสึเกะและเกลียดผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขาฉันจะกันผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขา ฮารุโนะ ซากุระ เด็กสาววัย15ผมสีชมพูดอกซากุระสวยสมชื่อ ดวงหน้ารูปไข่ผิวขาวอมชมพูดวงตาสีมรกตชวนหลงใหลฉันต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้งดงามราวกับตุ๊กตามีชีวิตและยังเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมของซาสึเกะอีกผู้หญิงคนนี้ถือเป็นศัตรูหัวใจคนสำคัญของฉันถ้าเธอร่วมทีม ฉันไม่ยอมเด็ดขาด…
แต่แล้วความคิดก็ถูกขัดโดยโทบิ
”แต่ฉันอยากบอกอะไรสักอย่างหนึ่งนะว่าสมาชิกแสงอุสาคนหนึ่งถูกยัยเด็กที่เธอเรียกว่า’ตัวถ่วง’ฆ่าตั้งเมื่อ1ปีก่อนนะถือว่าเป็นเด็กที่มีฝีมือมากพอดู”
ซายะจึงเตือน
”ถ้าต้องลักพาตัวยัยนั่นก็ต้องระวัง ฮารุโนะ ฮารุยให้ดีล่ะ”
จูโกะหันหน้ามาถามซายะ”ทำไมล่ะ”
ซายะจึงตอบด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ
”ก็คนคนนี้คืออดีตยอดมือสังหารของโคโนฮะและเป็นป้าของยัยนั่นอีกด้วยคงจะไม่ยอมให้หลานสาวสุดที่รักถูกลักพาไปหรอกนะ”
โทบิจึงกล่าวสรุป
”ภารกิจของพวกเราครั้งนี้คือจับ ฮารุโนะ ซากุระ ในสภาพไร้รอยขีดขวนเริ่มจากสืบดูพฤติกรรมเด็กนั่นเด็กนั่นแล้วหาจังหวะจับมันมาซะ”
ซาสึเกะจึงมอบหน้าที่
”งั้นหน้าที่นี่ คือ ซายะกับซุยเงสึ ถ้าดูแล้วว่า ยัยนั่นอยู่คนเดียวก็จับมา ”
ทั้งคู่รับคำ
”ได้เลย/ได้ค่า> - <”
จากนั้นซุยเงสึกับซายะก็แยกออกไปทำหน้าที่ทันที โทบิจึงหันไปสั่งคาริน
”เธอก็ไปหาฟื้นให้หน่อยนะคาริน”
ทำให้คนที่ถูกใช้โวยทันที
”อะไรกันฟื้นก็ยังมีเยอะอยู่เลย”
แต่เจอสายตาเย็นชาของซาสึเกะก็ยอมไปโดยดีด้วยสีหน้าเขินอาย
…อร๊ายย ซาสึเกะอ่ะเท่ที่สุด….
ลับตาสาวผมแดงโทบิจึงถามซาสึเกะ
”ทำไมไม่ทำซะเองล่ะ พวกเธอเคยอยู่ทีมเดียวกันนิก็น่าจะรู้บ้างสิว่าชอบไปที่ไหนเป็นประจำน่ะ”
แต่อีกฝ่ายกลับตอบอย่างเฉยชา
”หึ ฉันไม่เคยสนใจยัยรกโลกนั่นหรอก”
อีกฝ่ายพูดพลางหยิบบางสิ่งมาดูเป็นรูปของเด็กสาวผมสั้นประบ่าชมพูตาสีเขียวผิวขาวอมชมพู วัย12ในชุดกิโมโนสีเขียวอ่อนกำลังยิ้ม จึงพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
”จริงเหรอออ งั้นรูปนี้ล่ะเก็บไว้อย่างดีนี่คงจะเป็นยัยเด็กรกโลกที่เธอพูดถึงแน่เลย เธอนี่มันปากแข็งจริงๆ รู้หรอกว่าเธอแอบมองเขาอยู่”
คำพูดของโทบิทำให้อีกฝ่ายตอบตะกุกตะกักพลางหน้าขึ้นสีเล็กน้อย
”ละ..แล้วทำไมล่ะไม่เกี่ยวกับคุณซะหน่อย”
”เอาเถอะแต่ยังไงก็อย่าให้ คารินกับซายะหรือซุยเงสึเห็นล่ะกัน”
จูโกะที่เงียบไปนานพูดขึ้น
“เพราะอะไร”
โทบิถามบ้างจูโกะจึงตอบทันที
”เดี๋ยวคารินกับซายะจะกรี๊ดลั่นหมู่บ้านส่วนซุยเงสึก็จะแซวนายไม่หยุดแน่ๆ”
คำพูดแบบนี้จากคนพูดน้อยจากจูโกะทำให้หนุ่มผมดำต้องถอนหายใจโทบิจึงพูดต่อ
”ถ้าเธอชอบเขามันก็ง่ายหน่อย ถ้าเขาชอบตอบเนี่ยมันเป็นผลดีกับฝ่ายเรา”
”ถ้าเป็นอย่างงั้นก็ดี”
พอพูดจบหนุ่มผมดำก็ลุกขึ้นทำให้โทบิถาม
”นายจะไปไหน”
หนุ่มผมดำหันมามองผู้ถามเล็กน้อย
”ก็ไปสูดอากาศ”
จากนั้นร่างสูงก็หายไปราวกับอากาศธาตุในทันที โทบิบ่นพึมพำพลางเอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่
”ทำไมนะเจ้าเด็กนั้นปากแข็งอยู่นะ”
จูโกะพูดอย่างขำๆ
”มันเป็นธรรมชาติของซาสึเกะนิ”จูโกะอมยิ้ม
”แต่มันอาจจะสายเกินไปก็ได้ ผู้หญิงก็เหมือนนกหากจับมันมาไม่ได้มันก็อาจจะบินหายไปโดยไม่หวนกลับมาอีกเลยก็ได้”โทบิพูดเปรยพลางมองฝูงนกที่บินลงใต้หลบหนาว “..แต่ถ้าจับนกน้อยนั้นได้แต่จับหลวมไปก็หนีไปก็ได้ถ้าจับแน่นไปนกน้อยก็อาจจะดิ้นหนีไปหรืออาจตายในอุ้มมือก็ได้”
จูโกะจึงนั่งหลับทันทีในขณะที่โทบินั่งคิด
…เอาล่ะ อีกไม่นานเท่านั้น …
ถ้าชีวิตที่ไม่มีความตาย ความกลัวก็หมดไป และชัยชนะก็จะเป็นของเราอย่างแน่นอน
ขอโทษด้วยนะครับที่ผมต้องดึงลูกสาวคุณเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแบบนี้
....
แนะนำตัวละคร

ฮารูโนะ ซากุระ 
นินจาแพทย์คนเก่งของหมู่บ้านโคโนฮะ ทายาทคนสำคัญของตระกูลฮารุโนะ

อุจิวะ ซาสึเกะ
ทายาทอุจิวะที่เหลืออยู่ต้องการล้างแค้นให้กับตระกูล เพื่อการนั้นเค้าจำเป็นต้องมีเธอ ต้องการให้เธออยู่เคียงข้างเค้า

โทบิ (อุจิวะ โอบิโตะ)
แสงอุสาที่เหลืออยู่ เค้ามีเป้าหมายบางอย่างที่เก็บซ่อน และในอดีตสนิทกับฮารุโนะ ฮารุชิ พอสมควร

....
แนะนำแค่นี้ก่อนนะ ขี้เกียจ อ้อ จะบอกว่าในบล๊อคเลือกอ่านได้ตามใจ พอดีทำเป็นแค่นี้อ่ะ ฟิคนี้ถือว่ารีไรท์ใหม่เลยนะ แต่จะไม่ค่อยเปลี่ยนเนื้อหาอะไรมาก แต่จะแก้คำผิดและเพิ่มตอนให้ยาวขึ้นเท่านั้นนะคะ
หากใครกลัวว่าอ่านฟิคมันเหงาๆก็เปิดเพลงนี้เลย เพาะดีค่ะ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น